การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชางานความปลอดภัยในการใช้รถจักรยานยนต์ เรื่อง ป้ายจราจร ป้ายเตือน ป้ายบังคับ ของนักเรียนระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาช่างยนต์ วิทยาลัยเทคนิคพังงา โดยใช้เกม Kahoot ร่วมกับวิธีการเรียนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน ในรายวิชางานความปลอดภัยในการใช้รถจักรยานยนต์ เรื่อง ป้ายจราจร ป้ายเตือน ป้ายบังคับ โดยใช้เกม Kahoot ร่วมกับวิธีการเรียนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน และ 2) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาช่างยนต์ วิทยาลัยเทคนิคพังงา ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ในรายวิชางานความปลอดภัยในการใช้รถจักรยานยนต์ กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนที่กำลังศึกษาในระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่1 สาขาวิชาช่างยนต์ วิทยาลัยเทคนิคพังงา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน17 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบง่าย คือ การจับฉลาก จาก 2 ห้อง ให้เหลือ 1 ห้อง ใช้แบบแผนการทดลองแบบหนึ่งกลุ่ม โดยมีการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน (One Group Pre-test Post-test Design) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน10 แผน ผลการประเมินคุณภาพแผนการจัดการเรียนรู้ อยู่ในระดับดีมาก 2) แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบปรนัย จำนวน 40 ข้อ มีค่าความตรงเชิงเนื้อหา (IOC) อยู่ที่ 1.00 ค่าความยากอยู่ระหว่าง 0.50-0.75 ค่าอำนาจจำแนก อยู่ระหว่าง 0.2-0.4 และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ ทั้งฉบับเท่ากับ .086 และ 3) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ โดยใช้เกม Kahoot ร่วมกับวิธีการเรียนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน มีค่าความตรงเชิงเนื้อหาอยู่ระหว่าง 0.67-1.0 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสถิติค่าทีแบบกลุ่มไม่อิสระกัน แบบกลุ่มเดียวเทียบกับเกณฑ์ t-test dependent
ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน สาขาวิชาช่างยนต์ ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ โดยใช้เกม Kahoot ร่วมกับวิธีการเรียนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และ 2) ความพึงพอใจของนักเรียนระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้เกม Kahoot ร่วมกับวิธีการเรียนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน ประกอบด้วย 1.ด้านเนื้อหาความรู้ ระดับความ พึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด 2 .ด้านกิจกรรม ระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด 3.ด้านสื่อการเรียนการสอน ระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด และ 4.ด้านการวัดและการประเมิน ระดับความพึงพอใจ อยู่ในระดับมากที่สุด
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
ชูศรี วงศ์รัตนะ และคณะ. (2552). เทคนิคการใช้สถิติเพื่อการวิจัย ฉบับปรับปรุงใหม่ (พิมพ์ครั้งที่ 11). นนทบุรี ไทกรุงเทพเนรมิตกิจ อินเตอร์ โปรเกรสซิฟ.
ทิศนา แขมมณี. (2552). ศาสตร์การสอน องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ (พิมพ์ครั้งที่ 10). กรุงเทพฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สำนักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพ. (2567, 2 พฤษภาคม). หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.). https://bsq.vec.go.th/Portals/9/Course/20/2567/20100/20101v6.pdf
อุไรวรรณ ปานทโชติ. (2562). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ โดยใช้เกม KAHOOT สำหรับนักศึกษาวิชาชีพครู โปรแกรมคณิตศาสตร์. วารสารครุศาสตร์, 4(8), 101-108.
จิรายุส บูชา และปนัดดา พาณิชพันธุ์. (2565). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้เกม KAHOOT เรื่อง ประวัติและผลงานของบุคคลสำคัญในการสร้างสรรค์ชาติไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี (พิมพ์ครั้งที่ 1). กองบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน. https://www.esd.kps.ku.ac.th/kuk-gallery/article_19/abstract_19_3Apr24.pdf
สุพนิดา อุปทุม, ศุภกร ศรีเพชร, เบญจ์ กิติคุณ, วโรทัย สิริเศรณี และอ้อมทิพย์ มาลีลัย. (2566). การใช้กิจกรรมแบบกลุ่มเพื่อช่วยเพื่อนด้วยโปรแกรม PowerPoint ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านนามูลฮิ้น สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 1. วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, 20(89), 109-130.
ดนุพล สืบสำราญ และศตวรรษ ศรีนุเคราะห์. (2567). ผลการจัดการเรียนรู้ด้วยเกม KAHOOT เรื่องบรรยากาศของเรา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วารสารวิชาการและวิจัย มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 14(1), 28-41.
พร้อมเพื่อน จันทร์นวล และนิภาพร เฉลิมนิรันดร. (2560). การจัดการเรียนรู้โดยใช้เกม KAHOOT เพื่อพัฒนาผลการเรียนรู้วรรณคดีไทย. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, 15(2), 98.