การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบเน้นภาระงานเป็นฐานร่วมกับเทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

Main Article Content

มาธวี กันทะสอน
นิตยา สุวรรณศรี
สุมิตรา โรจนนิติ

บทคัดย่อ

          การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษตามเกณฑ์ที่กำหนด 75/75 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทักษะการอ่านภาษาอังกฤษหลังการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดร้อยละ 75 และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบเน้นภาระงานเป็นฐานร่วมกับเทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนบ้านโคกวิทยาคม จำนวน 32 คน ที่ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบฝึกทักษะ 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการอ่าน  3) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบที (t-test)
          ผลการวิจัยพบว่า แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบเน้นภาระงานเป็นฐานร่วมกับเทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 83.56/82.81 ซึ่งผ่านเกณฑ์ที่กำหนด 75/75 ผลสัมฤทธิ์การอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษหลังเรียน คิดเป็นร้อยละ 82.8 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ร้อยละ 75 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (จากการทดสอบ t-test) และความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ อยู่ในระดับมาก ( = 4.53, S.D. = 0.51)

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
กันทะสอน ม. . ., สุวรรณศรี น. . ., & โรจนนิติ ส. . (2021). การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบเน้นภาระงานเป็นฐานร่วมกับเทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. Journal of Modern Learning Development, 6(2), 252–267. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jomld/article/view/248115
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

จันทรกานต์ จรรยา. (2559). การพัฒนาบทเรียนเสริมผลสัมฤทธิ์การอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้การจัดการเรียนรู้ แบบเน้นภาระงาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 โรงเรียนราชดำริ.วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยศิลปากร.

ชัชชัย แซ่ปิง. (2554). การศึกษาผลสัมฤทธิ์การอ่านจับใจความภาษาอังกฤษด้วยวิธีการเรียนแบบร่วมมือ โดยใช้เทคนิคการแบ่งกลุ่มคละผลสัมฤทธิ์ (เอส ที เอ ดี) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วารสารมหาวิทยาลัยปทุมธานี. 3 (1), 90-98.

ชัยยงค์ พรหมวงศ์. (2556). เทคโนโลยีการสื่อสารการสอน เอกสารการสอนชุดวิชาเทคโนโลยีการศึกษา.นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.

นภัสสร รันนันท์. (2555). การพัฒนาการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ โดยการใช้กิจกรรม กลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1. การศึกษาค้นคว้าอิสระการศึกษามหาบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

ผ่องพรรณ แก้วหล้า. (2552). การใช้ชุดกิจกรรมพัฒนาความคิดสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมการเขียนเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. ปริญญานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

ศกุนิชญ์ ตรีประทุม. (2555). การพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจด้วย กิจกรรมแบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับแบบฝึกทักษะการอ่าน สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม.

อาร์จนา ปานกาญจโนภาส. (2558). ภาษาอังกฤษ ภาษาสากลของโลก. ออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 18 มกราคม 2564. แหล่งที่มา: http://www.forbesthailand.com/commentaries-detail.php?did=351

Abidin, Mohamad Jafre B. Zainol. (1997). A Task Based Approach to Project Work. The English Teacher. An International Journal. 2 (2), 12-19.

Ellis, R. (2003). Task-Based Language Learning and Teaching. Oxford: Oxford University Press.

Petty, Green. (1963). Language Workbooks and Practices Materials. Development Language Skills in the Elementary Schools. New York: Alum and bacon.

Tomlinson, Brian. (1998). Material Development in Language Teaching. Cambridge University Press.

Willis, J. (1996). A Framework for Task-Based Learning. Essex: Longman.

Willis, J. W., Dave.,. (1996). Challenge and Change in Language Teaching. Oxford: The Bath Press.