การศึกษาสภาพและแนวทางการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษาในสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ ศึกษาสภาพและแนวทางการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษาในสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประชากรที่ใช้ในการวิจัยคือ สถานศึกษาในสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ จำนวน 176 แห่ง กลุ่มตัวอย่างคือ สถานศึกษาในสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ จำนวน 123 แห่ง เลือกกลุ่มผู้ให้ข้อมูลทั้งหมด 246 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผู้วิจัยเลือกประเด็นสภาพการบริหารงานวิชาการด้านที่ในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยในระดับต่ำสุด และรายข้อในแต่ละด้านที่มีค่าเฉลี่ยในระดับต่ำสุด มาเป็นประเด็นในการสัมภาษณ์ เพื่อหาแนวทางการบริหารงานวิชาการ โดยกลุ่มผู้ให้ข้อมูลคือ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 7 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า 1) สภาพการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษา ในสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในภาพรวมมีค่าเฉลี่ย อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ การจัดการเรียนการสอน อยู่ในระดับมากที่สุด และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ การนิเทศภายในสถานศึกษา อยู่ในระดับมาก 2) แนวทางการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษาในสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาจัดอบรม นิเทศ กำกับติดตามและประเมินผล กำหนดกรอบกิจกรรม ครูผู้สอนมีส่วนร่วมในการปรับปรุงเนื้อหาในหลักสูตร ด้านการจัดการเรียนการสอน อบรมผู้สอน ผู้ปกครองให้มีความรู้ความเข้าใจ การจัดสภาพห้องเรียนให้เหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษา และเอื้อต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน ด้านการวัดผลและประเมินผล วิเคราะห์ผู้เรียน วิเคราะห์ระดับความสามารถ มีวิธีการประเมินที่หลากหลาย ประเมินผลตามสภาพจริง ด้านการนิเทศภายในสถานศึกษา ทุกคนมีส่วนร่วมในกระบวนการนิเทศ สร้างความเข้าใจ ความตระหนัก สร้างแนวทางการนิเทศแบบกัลยาณมิตร ด้านการวิจัยในชั้นเรียน สร้างความเข้าใจ ปรับเปลี่ยนทัศนคติ ในขั้นตอนกระบวนการวิจัยที่ถูกต้อง ด้านการพัฒนาสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยีการศึกษา การจัดหาสื่อสิ่งพิมพ์ เทคโนโลยีให้เพียงพอ ปรับปรุงคู่มือสื่อฯ ให้ความรู้ครู ผู้ปกครอง ชุมชน ประดิษฐ์ ดัดแปลงสื่อที่มีอยู่แล้ว หรือประยุกต์ใช้สื่อออนไลน์ให้เหมาะสมกับบริบทของผู้เรียนแต่ละบุคคล
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2546). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2545. กรุงเทพมหานคร: คุรุสภา.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร: คุรุสภา.
ช่อลัดดา สิมมา. (2562). การศึกษาบทบาทการนิเทศภายในและแนวทางการส่งเสริมบทบาทการนิเทศภายในสถานศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ตามทัศนะของครูผู้สอน. การประชุมวิชาการระดับชาติ ณ วิทยาลัยนครราชสีมา ครั้งที่ 6 ประจำปี พ.ศ.2562.
บุญชม ศรีสะอาด. (2554). การวิจัยเบื้องต้น ฉบับปรับปรุงใหม่. (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพมหานคร: สุวีริยา สาส์น.
เบญจภรณ์ จิตรู (2559) ได้ศึกษาปัญหาและแนวทางการพัฒนางานวิชาการของโรงเรียนขยายโอกาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตราด. นิพนธ์หลักสูตรการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยบูรพา.
ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์. (2544). การบริหารงานวิชาการ. กรุงเทพมหานคร: ศูนย์สื่อเสริมกรุงเทพมหานคร.
ปิยะนาถ ไชยวุฒิ. (2562). ศึกษาสภาพและแนวทางการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดในภาคเหนือ. สาขาการบริหารการศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม.
ภัทราภรณ์ แจ่มบุรี. (2559). แนวทางการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมศึกษา เขต 42. วิทยานิพนธ์ครุศาสตร์มหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์.
สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. (2563). คู่มือสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กลุ่มพัฒนาระบบบริหารการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการและ ผู้ด้อยยโอกาส. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.
สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. (2563). แผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ของสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.
Krejcie, R.V., & Morgan, D.W. (1970). Determining sample size for research activities. Eduation and Psychological Measurement, 30 (3), 607-610.
