ผลการพัฒนาการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ (Constructivist) ผ่านการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สำหรับนักศึกษาเอกคณิตศาสตร์ หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ (Constructivist) ผ่านการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สำหรับนักศึกษาเอกคณิตศาสตร์ หลักสูตร ครุศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร 2) ศึกษาผลการพัฒนาการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ของนักศึกษาเอกคณิตศาสตร์ หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาเอกคณิตศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 26 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสำรวจความคิดเห็นต่อการพัฒนาการเรียนรู้คณิตศาสตร์ฯ ดำเนินการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูล ในภาคการศึกษาที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ใช้เวลาในการทดลอง 24 ชั่วโมง นำข้อมูลที่ได้จากการทดลองมาวิเคราะห์ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกับเกณฑ์ที่กำหนดด้วยสถิติทดสอบที (One Sample t – test)
ผลการวิจัยพบว่า
1) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ (Constructivist) ผ่านการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สำหรับนักศึกษาเอกคณิตศาสตร์ หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร พบว่า เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นให้ผู้เรียนเป็นผู้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมอย่างกระตือรือร้น (Active) มีชีวิตชีวา โดยจัดทำเป็นแผนการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ฯ จำนวน 6 แผน แต่ละแผนมีการดำเนินการ 5 ขั้นคือ 1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียนเป็นการแนะนำบทเรียนหรือทบทวนความรู้เดิม 2. ขั้นนำเสนอสถานการณ์การเรียนรู้เป็นการนำเสนอสถานการณ์หรือเหตุการณ์เกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการเรียนรู้ 3. ขั้นปฏิบัติกิจกรรม เป็นการวิเคราะห์เชื่อมโยงความรู้กับข้อมูลที่กำหนดเพื่อสรุปเป็นความรู้ใหม่ 4. ขั้นสรุปความรู้คณิตศาสตร์ เป็นการสรุปสาระความรู้ใหม่ และนำเสนอผลการเรียนรู้ และ 5. ขั้นสะท้อนความคิดเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็นและเสนอแนะในการสรุปสาระความรู้ใหม่ที่เรียนรู้ในแต่ละครั้ง
2) ศึกษาผลการพัฒนาการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ (Constructivist) ผ่านการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) พบว่า
2.1) ค่าเฉลี่ยของคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเท่ากับ 14.42 คิดเป็นร้อยละ 72.10 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.30 เมื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกับเกณฑ์ร้อยละ 65 พบว่า สูงกว่าเกณฑ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และมีนักศึกษาได้คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ตั้งแต่ ร้อยละ 70 ขึ้นไป จำนวน 19 คน คิดเป็นร้อยละ 73.08
2.2) ผลของการสรุปความรู้คณิตศาสตร์หลังจากเรียนรู้ตามกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ฯ พบว่ามีนักศึกษา จำนวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 80.77 สามารถสรุปความรู้คณิตศาสตร์ได้ถูกต้อง ครบถ้วน หลังจากผู้สอนให้ข้อมูลย้อนกลับ (feedback) และข้อสังเกตเพิ่มเติมแล้วให้สรุปความรู้อีกครั้ง ก็สามารถสรุปความรู้ได้ถูกต้อง ครบถ้วนด้วยตนเอง
2.3) ผลการสำรวจความคิดเห็นของนักศึกษาต่อการพัฒนาการเรียนรู้คณิตศาสตร์ฯ โดยรวม พบว่า มีความคิดเห็นอยู่ในระดับ เห็นด้วยอย่างยิ่ง (ค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.55 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.52) และเมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า มีความคิดเห็นอยู่ในระดับ เห็นด้วยอย่างยิ่ง จำนวน 6 ข้อ และอยู่ในระดับเห็นด้วย จำนวน 4 ข้อ
Article Details
เอกสารอ้างอิง
ทัณฑวัต ปานพุ่ม และชมนาด เชื้อสุวรรณทวี. (2560). ผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐานร่วมกับการเขียนบันทึกการเรียนรู้เรื่องอัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์และความสุขในการเรียนของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยพณิชยการธนบุรี. Journal of nakhonratchasima college. 11 (2), 105 – 118.
พิมพันธ์ เดชะคุปต์และพเยาว์ ยินดีสุข.(2560). การเขียนแผนบูรณาการบนฐานเด็กเป็นสำคัญ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
บุญเลี้ยง ทุมทอง. (2554). การวิจัยการเรียนรู้ทางคณิตศาสตร์. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร. (2562). หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาคณิตศาสตร์ (4 ปี) หลักสูตรปรับปรุง พุทธศักราช 2562. กรุงเทพมหานคร: วิทยาลัยการฝึกหัดครู มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร.
ลักขณา สริวัฒน์. (2557). จิตวิทยาสำหรับครู. กรุงเทพมหานคร: โอ.เอส.พริ้นติ้งเฮ้าส์.
วิจารณ์ พานิช.(2562). การสร้างการเรียนรู้สู่ศตวรรษที่ 21. ออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 20 มกราคม 2565. แหล่งที่มา: http://www.scbfoundation.com/publishing.php?project id=292#publishing/ 292/5466.
สุนิสา ภามาศ และคณะ. (2561). ผลการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลัง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วารสารวิจัยทางการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. 13 (2), 184-193.
อรุณ มาวัน. (2549). ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้ตามแนวคิดของทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์. วิทยานิพนธ์สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
อัมพร ม้าคนอง. (2543). การสอนตามแนวคิด Constructivist ในชั้นเรียนคณิตศาสตร์. วารสารครุศาสตร์. 29 (1), 74-80.
Alsup John. (2004). A constructivism in the mathematics classroom: towards a newapproach. Online. retrieved June 15, 2016, from website : christinateskey.ca/metcourses/ 590pages/530constructivism-math.html.
Bednar, A., Cunningham, D. J., Duffy, T., & Perry, D. (1995). Theory in practice : How do we link? In G. Anglin (Ed.), Instructional Technology : Past, present, and future. (2nd ed). Englewood, CO : Libraries Unlimited.
Bonwell, C. C., &Eison, J. A. (1991). Active Learning : Creating Excitement in the Classroom. Washington, DC. : ERIC Clearinghouse on Higher Education, George Washington University.
DeVries, R. and Kohlberg, L. (1987).Constructivist early education and comparison with other Programs. Washington, DC. : National Association for the Education of Young Children.
Felder, R. & Brent, R. (1996). Navigating the Bumpy Road to Student – Centered Instruction. Journal of College Teaching. 44 (2), 43 – 47.
Meyers, C., & Jones, T. B. (1993). Promoting Active Learning : Strategies or the College Classroom. San Francisco: Josey – Bass Publishers.
Riley, M. J. (1981). Management Information System. (2nd ed). San Francisco : Holden-Day.