ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาส่งผลต่อคุณภาพชีวิตการทำงานของครูและบุคลากรทางการศึกษา โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมศึกษา กรุงเทพมหานคร เขต 1 กลุ่ม 3

บทคัดย่อ

          การวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เพื่อศึกษาภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 กลุ่ม 3 (2) เพื่อศึกษาคุณภาพชีวิตการทำงานของครูและบุคลากรทางการศึกษา (3) เพื่อศึกษาคุณภาพชีวิตจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคลของครูและบุคลากรทางการศึกษา (4) เพื่อศึกษาภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของครูและบุคลากรทางการศึกษา จำแนกตาม เพศ  สถานภาพ  ตำแหน่ง ระดับการศึกษา อายุ ประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน และ ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษา ประชากรทั้งหมดจำนวน 597 คน คำนวณขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยการเปิดตารางของ Cohen, Et al. (2011 : 147) ได้จำนวนทั้งสิ้น 234 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่น 0.95  สถิติที่ใช้ในการวิจัยคือความถี่ร้อยละค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที(t-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One -way ANOVA)  และวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ(Multiple regression analysis)  ผลการวิจัยพบว่า (1) ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงโดยภาพรวม พบว่า ครูและบุคลากรทางการศึกษามีความพึงพอใจต่อภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษา อยู่ในระดับมาก โดยเรียงค่าเฉลี่ยมากไปน้อย ได้แก่  ด้านการคำนึงถึงความเป็นปัจเจกบุคคล   ด้านการสร้างแรงบันดาลใจ ด้านการมีอิทธิพลอย่างมีอุดมการณ์ และด้านการกระตุ้นทางปัญญา  (2) คุณภาพชีวิตการทำงานของครูและบุคลากรทางการโดยภาพรวม พบว่า ครูและบุคลากรทางการศึกษามีความพึงพอใจต่อคุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการครูและบุคลากร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 กลุ่ม 3 อยู่ในระดับมาก เมื่อแยกเป็นรายด้านพบว่า ด้านที่มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ได้แก่ ด้านการพัฒนาความสามารถของบุคคล ด้านการบูรณาการทางสังคมและด้านระเบียบข้อบังคับในการปฏิบัติงาน และด้านที่มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก โดยเรียงค่าเฉลี่ยมากไปน้อย  ได้แก่ ด้านความก้าวหน้าและความมั่นคงในงาน ด้านสิ่งแวดล้อมที่ถูกสุขลักษณะและปลอดภัย ด้านความสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงาน   ด้านการปฏิบัติงานในสังคม และ ด้านค่าตอบแทนที่เหมาะสมและเป็นธรรม  (3) คุณภาพชีวิตการทำงานของครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีปัจจัยส่วนบุคคล ด้าน อายุ ระดับการศึกษาระยะเวลาการทำงานและรายได้แตกต่างกัน มีคุณภาพชีวิตการทำงานโดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ยกเว้นปัจจัยส่วนบุคคลด้านเพศ และ (4 ) ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษากับคุณภาพชีวิตการทำงานของครูและบุคลากรทางการศึกษา  ได้ค่าประสิทธิภาพของการทำนาย  R2 เท่ากับ .396 กล่าวได้ว่าความเป็นได้ของการตั้งสมมติฐานว่าปัยจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตการทำงานของครูและบุคลากรทางการศึกษา ทั้ง 4 ด้าน มีความสัมสัมพันธ์กับคุณภาพชีวิตการทำงานของครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ร้อยละ 39.60 .ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ  60.40 เกิดจากอิทธิพลของตัวแปรอื่น ซึ่งความสามารถในการทำนายมีค่าน้อย โดยพบด้านการสร้างแรงบันดาลใจ ( Beta = 0.578 ) ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.000 ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณ ( R เท่ากับ  .629 ) ค่าประสิทธิภาพในการทำนายที่ปรับแล้ว ( Adj. R2 เท่ากับ .385 ) ( F เท่ากับ 37.472) ค่าความคลาดเคลื่อนในการทำนาย  ( S.E เท่ากับ .459) โดยมีตัวแปรที่สำคัญคือ  ด้านการมีอิทธิพลอย่างมีอุดมการณ์(-0.552) ส่วนด้านการกระตุ้น ทางปัญญา (0.345)  และ ด้านการคำนึงถึงความเป็นปัจเจกบุคคล (0.174)