แนวทางการบริหารจัดการเรียนรู้ที่เน้นสมรรถนะทางสาขาวิชาชีพ โรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาน่าน
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการการบริหารจัดการเรียนรู้ที่เน้นสมรรถนะทางสาขาวิชาชีพโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาน่าน 2) ศึกษาและพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการเรียนรู้ที่เน้นสมรรถนะทางสาขาวิชาชีพโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาน่าน 3) ศึกษาความเหมาะสมของแนวทางการบริหารจัดการเรียนรู้ที่เน้นสมรรถนะทางสาขาวิชาชีพโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาน่าน กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มที่ 1 ใช้ในศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการการบริหารจัดการเรียนรู้ที่เน้นสมรรถนะทางสาขาวิชาชีพโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาน่าน ประกอบด้วย บุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนมัธยมศึกษา จังหวัดน่าน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาน่าน จำนวน 30 โรงเรียน จำนวน 250 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ และกำหนดสัดส่วนตามจำนวนของครูแต่ละโรงเรียน กลุ่มที่ 2 ใช้ในการศึกษาและพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการเรียนรู้ที่เน้นสมรรถนะทางสาขาวิชาชีพโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาน่าน จำนวน 9 คน ประกอบด้วย ศึกษานิเทศก์ จำนวน 1 คน ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 3 คน หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ จำนวน 3 คน ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ จำนวน 2 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามสภาพปัญหาและความต้องการ แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า สภาพปัญหาที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด 3 อันดับแรก คือ ปัญหาสมรรถนะด้านทักษะวิชาชีพ ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ผู้เรียนสามารถใช้อุปกรณ์ที่จำเป็นและเหมาะสมกับการปฏิบัติงานตาม
สาขาวิชาชีพ ( =4.21) สมรรถนะด้านการสื่อสารและการคิดสร้างสรรค์ ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ผู้เรียนสามารถสื่อสารเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและสังคม ( =4.21) และสมรรถนะด้านคุณธรรมและจริยธรรม ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ผู้เรียนมีความมานะ อดทนและกระตือรือร้นในการปฏิบัติงาน ( =4.20) ส่วนความต้องการ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด 3 อันดับแรก คือ ความต้องการสมรรถนะด้านคุณธรรมและจริยธรรม ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ผู้เรียนมีความรอบรู้ สุขุมรอบคอบในการทำงาน ( =4.28) ความต้องการสมรรถนะด้านทักษะวิชาชีพ ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ผู้เรียนสามารถน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการปฏิบัติงานอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ( =4.24) และความต้องการสมรรถนะด้านการปฏิบัติตนและการครองตน ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ผู้เรียนมีความรับผิดชอบในหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมาย ( =4.21) ส่วนแนวทางการบริหารจัดการเรียนรู้ที่เน้นสมรรถนะทางสาขาวิชาชีพโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาน่าน ได้แก่ ครูมีการรวมกลุ่มกันเป็นทีม และมีการประชุมระดมสมองร่วมกันเพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหา ครูนำนโยบายสมรรถนะทางสาขาวิชาชีพสู่การปฏิบัติ ครูร่วมกันวิเคราะห์หน่วยการเรียนรู้ที่เป็นปัญหาให้ชัดเจน ครูร่วมกันเขียนแผน กำหนดกิจกรรม ตรวจสอบแผนการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับหลักสูตร จัดทำสื่อการสอนและสื่อเทคโนโลยี ครูร่วมกันกำหนดบทบาทของสมาชิกในทีม และครูร่วมกันเลือกเนื้อหาที่เป็นปัญหามากที่สุด
คำสำคัญ (Keywords) : แนวทางการพัฒนา; การบริหารจัดการเรียนรู้; สมรรถนะทางสาขาวิชาชีพ
Article Details
เอกสารอ้างอิง
ประมวล วิลาจันทร์. (2555). การพัฒนารูปแบบการบริหารกิจการนักเรียนนักศึกษาของสถาบันการอาชีวศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา. มหาวิทยาลัยนเรศวร, พิษณุโลก.
ปองกมล สุรัตน์. (2561). สาเหตุและผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับการรังแกผ่านโลกไซเบอร์: กรณีศึกษาเยาวชนไทยผู้ถูกรังแก. วารสารวิชาการ สถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ, 4(1), 260-273.
พรพรรณ ทองทนงศักดิ์. (2560). การศึกษาพฤติกรรมการถูกรังแกของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นโรงเรียนเขตหนองแขม สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร. มหาวิทยาลัยรามคำแหง,กรุงเทพมหานคร (หัวหมาก).
ภัทรวดี แตรสังข์. (2556 ). การนำเสนอแนวทางการบริหารงานกิจการนักเรียนแบบมีส่วนร่วมของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอ่างทอง. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี.
มาลี เกศธนาธร. (2556 ). การบริหารงานกิจการนักเรียนตามหลักธรรมาธิบาลเชิงพุทธของบุคลากรทางการศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 42.วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
มูลนิธิยุวพัฒน์. (2562). การกลั่นแกล้ง (Bullying) ความรุนแรงในสังคม. สืบค้น 19 สิงหาคม 2563จาก https://www.yuvabadhanafoundation.org/th/
ฤทัยชนนี สิทธิชัยและธันยากร ตุดเกื้อ. (2560). พฤติกรรมการรังแกบนโลกไซเบอร์ของเยาวชนในสามจังหวัดชายแดนใต้. Cyberbullying Behavior among Youth in the Three Southern Border Provinces, Thailand. วารสารวิทยบริการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
ลัดดาวัลย์ เพชรโรจน์และอัจฉรา ชำนิประศาสน์. (2545). ระเบียบวิธีการวิจัย. ม.ป.พ.
วราภรณ์ บุญดอก. (2559 ). สภาพและปัญหาการบริหารกิจการนักเรียนโรงเรียนมัธยมวัดหนองจอกสังกัดสำนักงานขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 2 วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต,มหาวิทยาลัยบูรพา.
วินัดดา ปิยะศิลป์ โชษิตา ภาวสุทธิไพศิฐ และวิมลวรรณ ปัญญาว่อง. ( 2563). การรังแกในเด็กและวัยรุ่น. สืนค้น 15 กันยายน 2563 จาก http://www.thaipediatrics.org/Media/media-202001271116 10.pdf
วิภาวรรณ โชติสวัสดิ์. (2555 ). การบริหารงานกิจการนักเรียนโดยใช้วงจรคุณภาพของผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาตามมาตรฐานการปฏิบัติงานโรงเรียนมัธยมศึกษา พ.ศ. 2552 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 8 วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี.