วิถีการกินของพระสงฆ์ : การสร้างอารมณ์ขันในนิทานก้อมอีสาน
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา “วิถีการกิน” ของพระสงฆ์กับการสร้างอารมณ์ขันในนิทานก้อมอีสาน จากการศึกษาพบว่า ภาพลักษณ์ของพระสงฆ์ในเรื่องการกินที่ปรากฏในนิทานก้อมอีสานนั้น แสดงให้เห็นถึง “ระบบคิดและโลกจินตนาการ” ของชาวบ้านที่มีต่อพระสงฆ์ โดยได้ “รื้อสร้างขึ้นใหม่” ให้ปะทะกันระหว่างหลัก “ความจริง” ของพระธรรมวินัยสงฆ์ที่เป็นพุทธบัญญัติและ “ความลวง” จากโลกจินตนาการ แล้วส่งผ่านเป็นเรื่องเล่าในรูปของวิถีการกินของพระสงฆ์กับการสร้างอารมณ์ขันในนิทานก้อมอีสาน ซึ่งแสดงให้เห็นถึง “ชุดความคิดความเชื่อ” ที่เป็นคู่ตรงข้าม แล้วนำเสนอเพื่อการระบายหรือผ่อนคลาย “ความเก็บกด” รวมถึงระบาย “ความกดดัน” ของชาวบ้านที่อยู่ในสังคมที่เคร่งครัดอันเต็มไปด้วยระบบระเบียบ ประเพณีวัฒนธรรม คติความเชื่อ ดังนั้นจึงได้หาวิธีระบายอารมณ์โดยเอานิทานก้อมเป็นเครื่องมือในการหาทางออกเท่านั้นเอง ในโลกของความเป็นจริงสังคมชาวพุทธมีคติว่า การกล่าวถึงพระสงฆ์ในภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมลบหลู่หรือตลกขบขันหรือล้อเลียนเป็น “เรื่องต้องห้าม” เน้นย้ำอีกว่า ไม่ควรนำเรื่องของพระสงฆ์มาวิพากษ์วิจารณ์เป็นอันขาด เพราะจะมีผลทำให้ตกนรกหรือเกิดเป็นอสูรกายจำพวกเปรต ดังมีคำกล่าวรับรองไว้ว่า “ชั่วชั่งชี ดีชั่งสงฆ์” แต่ในระบบความคิดและโลกจินตนาการที่ปรากฏในนิทานก้อมอีสานนั้น เปิดโอกาสให้ชาวบ้านผูกเรื่องและเล่าเรื่องล้อเลียนวิพากษ์วิจารณ์พระสงฆ์ได้ เป็นการสร้างสาระจากความลวง พระสงฆ์ในฐานะตัวละครเอกของเรื่องจึงปรากฏภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมเพียงเพื่อสร้างมุขตลกให้เกิดขึ้นในนิทานก้อมอีสาน
Article Details
เอกสารอ้างอิง
ปฐม หงส์สุวรรณ. (2551). กาลครั้งหนึ่งว่าด้วยตำนานกับวัฒนธรรม. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพมหานคร:สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์.
ประคอง นิมมานเหมินท์. (2551). นิทานพื้นบ้านศึกษา. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุชีพ ปุญญานุภาพ. (2550). พระไตรปิฎก ฉบับสำหรับประชาชน. (พิมพ์ครั้งที่ 17). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหามกุฎราวิทยาลัย.
ศิราพร ณ ถลาง. (2537). ในท้องถิ่นมีนิทานและการละเล่น. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มติชน.