ศึกษาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในจังหวัดชัยภูมิ

Main Article Content

พระมหาสังคม ชยานนฺโท
วัชรมน จันรอง
วินัย ภูมิสุข
ปชาบดี แย้มสุนทร

บทคัดย่อ

       งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สํารวจแหลงทองเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรม 2) ศึกษาศักยภาพของแหลงทองเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรม และ 3) วิเคราะห์หาแนวทางการพัฒนาแหลงทองเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในจังหวัดชัยภูมิ การวิจัยนี้เป็นแบบผสมผสาน กลุ่มตัวอยางไดแก่ประชาชนที่อยู่ใกล้แหล่งทองเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในจังหวัดชัยภูมิ และนักท่องเที่ยว จํานวน 400 คน, ผูใหข้อมูลสำคัญในการสัมภาษณ จํานวน 62 คน, วิเคราะหขอมูลเชิงปริมาณ ดวยคอมพิวเตอรโปรแกรมสําเร็จรูป โดยใช้สถิติ: ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน แสดงขอมูลในรูปแบบตารางประกอบการบรรยาย, วิเคราะข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะหเนื้อหา แสดงข้อมูลดวยการพรรณนาความ
          ผลการวิจัยพบว่า 1. แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในจังหวัดชัยภูมิ จํานวน 11 แหง คือ 1) อุทยานแห่งชาติตาดโตน 2) อุทยานแหงชาติภูแลนคา 3) อุทยานแหงชาติไทรทอง 4) อุทยานแห่งชาติ      ปาหินงาม 5) ศาลเจาพ่อพญาแล 6) ปรางคกู 7) ภูพระ(พระเจาองคตื้อ)  8) พระพุทธรูปใหญสมัยทวารวดี 9) พระธาตุชัยภูมิ 10) พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตรชาติไทย(เรือหงส) และ 11) วัดชัยภูมิพิทักษ (ผาเกิ้ง),  2. แหลง  ทองเที่ยวทางธรรมชาติที่มีศักยภาพอยูในระดับสูงที่สุด คือ 1) อุทยานแห่งชาติตาดโตน (รอยละ 92.14)  2) อุทยานแหงชาติไทรทอง (รอยละ 90.71)  3) อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม (รอยละ 87.14) และ 4)อุทยานแหง ชาติภูแลนคา (รอยละ 84.28) ตามลําดับ  สวนแหลงทองเที่ยวทางวัฒนธรรมที่มีศักยภาพอยูในระดับสูงที่สุด 2 แหง คือ วัดชัยภูมิพิทักษ (ผาเกิ้ง) (รอยละ 92.14) และพระธาตุชัยภูมิ (รอยละ 86.43) ที่มีศักยภาพอยูในระดับสูง 3 แห่ง คือ ศาลเจาพอพญาแล (รอยละ 80.00) พระพุทธรูปใหญสมัยทวารวดี (รอยละ 73.47)  และภูพระ(พระเจ้าองคตื้อ) (รอยละ 70.71) และที่มีศักยภาพอยูในระดับปานกลาง 2 แหง คือ พิพิธภัณฑประวัติศาสตรชาติไทย(เรือหงส) (รอยละ 63.57) และปรางคกู (56.43) ตามลําดับ, 3. วิเคราะหหาแนวทางการพัฒนาแหลงทองเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในจังหวัดชัยภูมิ พบวา ควรมีการกระตุนให้แหลงทองเที่ยวแตละแหงปรับตัว จัดกิจกรรมการทองเที่ยวให้หลากหลาย สร้างเส้นทางการทองเที่ยวใหครอบคลุมทุกแห่ง และเชิญชวนประชาชนในชุมชนให้มีส่วนร่วมดูแลรักษาให้มากขึ้น


 

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ชยานนฺโท พ. ., จันรอง ว., ภูมิสุข ว. ., & แย้มสุนทร ป. (2023). ศึกษาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในจังหวัดชัยภูมิ. Journal of Modern Learning Development, 8(5), 251–267. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jomld/article/view/262023
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กรมการท่องเที่ยว.(2561). แผนยุทธศาสตร์พัฒนาการท่องเที่ยว พ.ศ. 2561–2564. จัดทำโดย: กรมการท่องเที่ยว, พิมพ์เมื่อ: พฤษภาคม 2561. พิมพ์ที่: VIP COPY PRINT (วีไอพี ก็อปปี้ปริ้น).

กองแผนและงบประมาณ. แผนพัฒนาท้องถิ่น (พ.ศ.25561-2565) ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ. กองแผนและงบประมาณ, องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ.

คณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการจังหวัดชัยภูมิ (ก.บ.จ.).(2565). แผนพัฒนาจังหวัดชัยภูมิ (พ.ศ.2561-2565) (ฉบับทบทวน). กลุ่มงานยุทธศาสตร์และข้อมูลเพื่อการพัฒนาจังหวัด, สำนักงานจังหวัดชัยภูมิ.

ดรรชณี เอมพันธ์.(2548). การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในเอกสารชุดฝึกอบรมทางไกลหลักสูตรการจัดการการท่องเที่ยวชุมชนอย่างยั่งยืน. (กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช): 141.

นิภาวรรณ พุทธสงกรานต์. (2548). ศักยภาพของจังหวัดราชบุรีในการจัดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน. มหาวิทยาลัยศรีปทุม. ออนไลน์. สืบค้นนเมื่อ 6 ตุลาคม 2565. แหล่งที่มา: http://dspace.spu. ac.th/handle/123456789/1840.

ศิลาวัฒน ชัยวงษ และคณะ. (2563). การพัฒนาเสนทางการทองเที่ยวเชิงศิลปะของกลุมจังหวัดลานนา. รายงานการวิจัย. สถาบันวิจัยพุทธศาสตร มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.