การไปใช้สิทธิการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานครของประชาชนในพื้นที่เขตภาษีเจริญ
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับการมีส่วนร่วมในการไปใช้สิทธิการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ปี 2565 ของประชาชนในพื้นที่เขตภาษีเจริญ 2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการไปใช้สิทธิการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ปี 2565 3) เพื่อเสนอแนะการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการไปใช้สิทธิการเลือกตั้งผู้ว่าราชการรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร งานวิจัยนี้เป็นการเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง คือ ประชาชนที่มีสิทธิในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ในพื้นที่ เขตภาษีเจริญ โดยใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 400 คน สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test F-test สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการศึกษา พบว่า1) ระดับการมีส่วนร่วมในการไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงเทพของประชาชนในเขตภาษีเจริญโดยรวมอยู่ในระดับมาก 2) ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษาและอาชีพที่แตกต่างกันการมีส่วนร่วมในการไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงเทพมหานครของประชาชนในพื้นที่เขตภาษีเจริญ แตกต่างกัน ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.00 3) ปัจจัยพฤติกรรมการเปิดรับสื่อและปัจจัยด้านสถาบันทางการเมืองมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับการมีส่วนร่วมในการไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงเทพมหานครของประชาชนในพื้นที่เขตภาษีเจริญ ที่นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.00 และ 4) ข้อเสนอแนะในการวิจัยได้แก่ ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร รวมทั้งพรรคการเมือง ควรมีบทบาทในการส่งเสริมการให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนกลุ่มและควรส่งเสริมการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร การให้ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของ การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ผ่านสื่อทั้งในรูปแบบช่องทางสื่อโทรทัศน์ และ สื่ออินเทอร์เน็ต เพื่อให้การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของกลุ่มเป้าหมายเป็นไปอย่างทั่วถึง
Article Details
เอกสารอ้างอิง
จิรศักดิ์ เอมน้อย และ ชาญชัย จิตรเหล่าอาพร. (2566). ทัศนคติของประชาชนต่อการมีส่วนร่วมในกิจกรรม Pride Monthของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศในกรุงเทพมหานคร, วารสารการบริหารและสังคมศาสตร์ ปริทรรศน์ 6 (3), 1-12.
ชณัฐกาญจน์ กอมณี, ชัญญา ลี้ศัตรูพ่าย และ วิธัญญา วัณโณ. (2560). ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการเปิดรับสื่อสังคมออนไลน์อย่างมีวิจารณญาณของนิสิตชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. วารสารพฤติกรรมศาสตร์เพื่อการพัฒนา. 9 (1), 21-38.
ชาญชัย จิตรเหล่าอาพร. (2564). การตลาดทางการเมือง. กรุงเทพมหานคร: คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม
ปรมะ สตะเวทิน. (2539). การสื่อสารมวลชน: กระบวนการและทฤษฎี. กรุงเทพมหานคร: ห้างหุ้นส่วนภาพพิมพ์.
พระมหาทัศพงษ์ ชยเมธี (กลิ่นศรีสุข). (2563).การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในการปกครองส่วนท้องถิ่นในอำเภอสถิตจังหวัดชัยภูมิ. วิทยานิพนธ์รัฐศาตร์มหาบัณฑิต. พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย.
โพธิ์คิน ชวาอุ่นหล้า และ ปัทมา จรูญโรจน์ ณ อยุธยา. (2563). การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในจังหวัดบึงกาฬ. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยปทุมธานี. 12 (21), 354-367.
วิชัย มีสุข. (2561). ปัจจัยอันมีผลต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในการใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศึกษาเฉพาะผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ในเขตเลือกตั้งที่ 1. วารสารรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา. 1 (1), 47-55.
วิสุทธิ์ โพธิแท่น. (2524). ประชาธิปไตย แนวความคิดและตัวแปรแบบประเทศประชาธิปไตยในอุดมคติ.กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
แสงจันทร์ ทองนาค และ ยุวัฒน์ วุฒิเมธี. (2566). การตัดสินใจในการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครสังกัดพรรคเพื่อไทย พ.ศ. 2565 , วารสารการบริหารและสังคมศาสตร์ ปริทรรศน์. 6 (1), 165-174.
Held, David. (2006). Models of Democracy (Third Edition). MA: Polity Press.
Rosengren. (1974). “Uses and gratifications: a paradigm outlined”. In J. G. Blumler & E. Katz (eds). The uses of mass communication. Beverly Hills: Sage.