ความพึงพอใจในงานและคุณภาพชีวิตในการทำงานส่งผลต่อความผูกพันในองค์กร ของข้าราชการหน่วยงานภาครัฐแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร

บทคัดย่อ

          การค้นคว้าอิสระนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความพึงพอใจและคุณภาพชีวิตในการทำงานส่งผลต่อความผูกพันองค์กรของข้าราชการหน่วยงานภาครัฐแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ ข้าราชการหน่วยงานภาครัฐแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 179 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา (Descriptive Statistics) ได้แก่ การแจกแจงความถี่(Frequency)  ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (MEAN)  และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard eviation) สถิติเชิงอนุมาน (Inferential Statistics) คือ t-Test, One-Way ANOVA โดยเป็นสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน คือ สมการถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) หรือ MRA ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05
          ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ข้าราชการหน่วยงานภาครัฐ
แห่งหนึ่ง ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 179 คน ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพการสมรส ระดับการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน และรายได้ต่อเดือน แตกต่างกัน ความผูกพันในองค์กรไม่แตกต่างกัน และผลการทดสอบสมมติฐานความพึงพอใจในงานและคุณภาพชีวิตในการทำงานส่งผลต่อความผูกพันในองค์กรของข้าราชการหน่วยงานภาครัฐแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพมหานคร ทั้งหมด 13 ปัจจัย พบว่า มี 5 ปัจจัย ที่ส่งผลต่อความผูกพันในองค์กรของข้าราชการหน่วยงานภาครัฐแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพมหานคร ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05  ได้แก่ ความพึงพอใจในงานด้านค่าตอบแทนและสวัสดิการ (t = 4.723) ความพึงพอใจด้านเพื่อนร่วมงาน (t = 2.918) คุณภาพชีวิตในการทำงานด้านความก้าวหน้าและมั่นคงในงาน (t = 6.824) คุณภาพชีวิตในการทำงานด้านความสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว (t = 4.330) และคุณภาพชีวิตในการทำงานด้านความเป็นประโยชน์ต่อสังคม (t = 3.661) โดยคุณภาพชีวิตในการทำงานด้านความก้าวหน้าและมั่นคงในงานส่งผลต่อความผูกพันในองค์กรของข้าราชการหน่วยงานภาครัฐแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพมหานคร ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 มากที่สุด