การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีและวรรณกรรมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิธีการสอน แบบเปิด (Open Approach)

Main Article Content

อรินดา บรรณวงษา

บทคัดย่อ

         การวิจัยครั้งนี้เป็นงานวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียน มีวัตถุประสงค์เพื่อ1) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีและวรรณกรรมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนและหลังเรียน (2) เพื่อเปรียบเทียบผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) รายวิชาภาษาไทย มาตรฐาน  ท5.1 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ  (3) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้  โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิธีการสอนแบบเปิด  มีกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนสนามบิน  สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 1 จังหวัดขอนแก่น ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 มีนักเรียน 32 คน ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย  (1) ชุดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้วรรณคดีและวรรณกรรม จำนวน 15 แผน (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีและวรรณกรรม จำนวน 30 ข้อ (3) รายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) รายวิชาภาษาไทย มาตรฐาน ท5.1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2562   (4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการแบบเปิดและสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ การหาค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ร้อยละ และการทดสอบค่า t-test
          ผลการศึกษาพบว่า
          1. พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีและวรรณกรรม ก่อนและหลังเรียน พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีและวรรณกรรมหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิธีการสอนแบบสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
          2. ผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) รายวิชาภาษาไทย มาตรฐาน ท5.1ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย มาตรฐาน ท5.1 จากเดิมปีการศึกษา 2561 มีคะแนนเฉลี่ย 55.50 คะแนน เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.83 เป็นคะแนนเฉลี่ย 67.06 คะแนน ในปีการศึกษา 2562
          3. ผลการศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ พบว่า ในภาพรวมของการจัดการเรียนรู้วรรณคดีและวรรณกรรมโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิธีการสอนแบบเปิดนี้มีค่าเฉลี่ย 4.69 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.58 แปลผลอยู่ในระดับดีมาก

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
บรรณวงษา อ. . (2024). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีและวรรณกรรมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิธีการสอน แบบเปิด (Open Approach). Journal of Modern Learning Development, 9(8), 574–590. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jomld/article/view/276992
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

ลัดดา ไขว้พันธุ์. (2542). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย ด้านการอ่าน อย่างมีวิจารณญาณของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่สอนด้วยวิธีสอนกระบวนการทางวิทยาศาสตร์กับ วิธีสอนตามคู่มือครู. กรุงเทพมหานคร: ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ไทย.

สมจิต บุญคงเสน. (2549). ผลของการสอนภาษาไทยด้วยกลวิธีสืบสอบที่มีต่อความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณและความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6. กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สุชาติ วรรณขาว. (2549). การใช้ยุทธศาสตร์เมตาคอกนิชันในการสอนอ่านภาษาอังกฤษอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

สุพิน บุญชูวงศ์. (2538). หลักการสอน. กรุงเทพมหานคร: สถาบันราชภัฏสวนดุสิต.

อรอนงค์ ตั้งก่อเกียรติ. (2552). ผลงานวิจัยทางภาษาไทยของนักศึกษาหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิตสาขาวิชาภาษาไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร สถาบันวิจัยและพัฒนา.

Joyce, B., & Weil, M. (1980). Models of teaching. New Jersey: Prentice-Hall.