คุณค่าและบทบาทของนิทานเรื่องพญาช้างนางผมหอมของบ้านหนองบัว อำเภอภูหลวง จังหวัดเลย

Main Article Content

นัยนา อรรจนาทร

บทคัดย่อ

            บทความวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบนวัตกรรมจากเรื่องเล่าของชุมชนลุ่มน้ำโขงเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านสำหรับเยาวชน มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อวิเคราะห์คุณค่าของนิทานเรื่องพญาช้างนางผมหอม 2) เพื่อวิเคราะห์บทบาทของนิทานเรื่องพญาช้างนางผมหอม ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ กลุ่มเป้าหมายเป็นปราชญ์ชาวบ้าน ผู้ทรงภูมิปัญญาท้องถิ่นและผู้ที่มีความรู้ในเรื่องเล่า ใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) และแบบสโนว์บอลล์ (Snowball sampling) เก็บข้อมูลประกอบด้วยการสัมภาษณ์ สนทนากลุ่ม และประชุมเชิงปฏิบัติการ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เชิงพรรณนา


            นิทานเรื่องพญาช้างนางผมหอมมีคุณค่าดังนี้ 1) แก่นเรื่องแสดงถึงความรักความผูกพันระหว่างมนุษย์กับสัตว์ 2) โครงเรื่องสะท้อนให้เห็นชะตาชีวิตของคนที่เป็นไปตามกรรม มีสุข มีทุกข์ มีพลัดพรากและสมหวัง 3) ก่อให้เกิดพิธีกรรมทำบุญของหมู่บ้านหนองบัว ก่อเกิดความสามัคคียึดเหนียวจิตใจของคนในชุมชน 4) เกิดการบวงสรวงรูปปั้นพญาช้างนางผมหอม เพื่อสร้างอัตลักษณ์ของชุมชน และส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น 5) การถ่ายทอดนิทานเรื่องนางผมหอมในครอบครัว ส่งผลให้เกิดความรัก ภูมิใจในท้องถิ่นของตนเอง 6) พิธีกรรมในชุมชน แสดงถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของท้องถิ่น


            นิทานเรื่องพญาช้างนางผมหอมมีบทบาทดังนี้ 1) ด้านบทบาทในการถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับท้องถิ่นของตน 2) ด้านการให้การศึกษา มีดังนี้ 2.1) สร้างระเบียบสังคมและรักษามาตรฐานพฤติกรรมของสังคม 2.2) สร้างความภาคภูมิใจในท้องถิ่น 2.3) สร้างประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงาม 2.4) สร้างขนบธรรมเนียมให้ถือปฏิบัติเป็นแนวความเชื่อเดียวกัน 2.5) สร้างอัตลักษณ์ให้กับชุมชน 2.6) สร้างจิตสำนึกและคุณค่าทางจิตใจให้กับชุมชน

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
Ajanatorn, N. (2023). คุณค่าและบทบาทของนิทานเรื่องพญาช้างนางผมหอมของบ้านหนองบัว อำเภอภูหลวง จังหวัดเลย. วารสารศรีล้านช้างปริทรรศน์, 9(1), 135–150. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jslc/article/view/265466
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

คมกฤษณ์ วรเดชนัยนา และปฐม หงส์สุวรรณ. (2563). ช้างในวรรณกรรมนิทานอีสาน: การสร้างอัตลักษณ์สัตว์และความหมายทางวัฒนธรรม. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร. 8(1). มกราคม-กุมภาพันธ์ 2563. หน้า 233-246

งามพิศ สัตย์สงวน. (2543). หลักมานุษยวิทยาวัฒนธรรม. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

จิรัฐิพร ไทยงูเหลือม และประเทือง ทินรัตน์. (2557). ลักษณะร่วมทางด้านภาษาและวัฒนธรรมที่ปรากฏในนิทานพื้นบ้านไทยกับนิทานพื้นบ้านสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว. วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินท์. 6(1). มกราคม - มิถุนายน 2557. หน้า 37-43

เนาวรัตน์ สุขนาแสง. (2530). การศึกษานิทานพื้นบ้านจากบ้านห้วยยายจิ๋ว ตำบลห้วยยายจิ๋ว อำเภอเทพสถิต จังวัดชัยภูมิ. นครราชสีมา: มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา.

ประดิษฐ์ ศรีโนนยาง. (2562). ปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้านช้าง. วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร. 16(74). กรกฎาคม – กันยายน 2562. หน้า 141-153.

พระมหาวิเชียร สุธีโร. (2562). ความสุขในทัศนะของพระพุทธศาสนา. วารสารพุทธมัคค์ ศูนย์วิจัยธรรมศึกษา สำนักเรียนวัดอาวุธวิกสิตาราม. 4(1). มกราคม-มิถุนายน 2562. หน้า 43

เพริศแพร้ว พรหมหาราช และเสริมสุข ธรรมโสม. สัมภาษณ์ 26 มิถุนายน 2564

ศรีศักร วัลลิโภดม. (2550). ผีกับพุทธ: ศาสนาและความเชื่อในสังคมด่านซ้าย ดุลยภาพทางจิตวิญญาณของชาวบ้านในลุ่มนํ้าหมัน. กรุงเทพมหานคร: มูลนิธิเล็ก-ประไพวิริยะพันธุ์.

ศรีศักร วัลลิโภดม และวลัยลักษณ์ทรงศิริ. (2551). นครแพร่จากอดีตมาปัจจุบัน: ภูมินิเวศวัฒนธรรม ระบบความเชื่อ และประวัติศาสตร์ท้องถิ่น. กรุงเทพฯ: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.

อรัญญา แสนสระ. (2546). วิเคราะห์นิทานพื้นบ้านตำบลโนนกอก อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ. สารนิพนธ์ กศ.ม. (ภาษาไทย). กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

Bettlheim, Bruno. (1975). The uses of enchantment. New York: Vintage Books.

Charlotte S. Huck and Dorris Toung Kuhn. (1968). Children' literature in elementary school. New York: Rinehart and Winston.