คดี ป.ป.ช. : มิชอบด้วยกฎหมาย Vs. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

Main Article Content

Somkit Lertpaithoon

Abstract

     ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคาพิพากษาของคณะผู้พิพากษาทั้ง ๙ คนในกรณีที่สมาชิกรัฐสภาได้กล่าวหาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทั้ง ๙ คน ได้กระทำการออกระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนของประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ   พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยเสียงส่วนใหญ่ ๖ ต่อ ๓ ของคณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคาพิพากษาว่าคณะกรรมการป.ป.ช. ทั้ง ๙ คน ได้ใช้ตำแหน่งทางการเมืองได้มีคาพิพากษาว่าคณะกรรมการป.ป.ช. ทั้ง ๙ คน ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบในการออกระเบียบดังกล่าว ซึ่งมีลักษณะเป็นการให้ค่าตอบแทนแก่ตนเองอันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๕๗๑ ฐานกระทำความผิดโดยการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้องตามอำเภอใจโดยมิได้ยึดหลักเกณฑ์ใด ๆ จึงมีคำพิพากษาให้จำคุกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้ง ๙ คน คนละ ๒ ปี แต่ให้รอการลงโทษไว้ ๒ ปี


     จากคำพิพากษาดังกล่าวก่อให้เกิดประเด็นที่น่านใจและน่าพิจารณาเป็นอย่างยิ่งว่าการกระทำที่ได้มีการกล่าวหาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าไม่มีอำนาจออกระเบียบฯ  ซึ่งเป็นปัญหาดังกล่าวนั้น ถือว่าเป็นการกระทำที่"มิชอบ" ด้วยกฎหมายอันจะส่งผลให้คณะกรรมการป.ป.ช. ทั้ง ๙ คนต้องได้รับโทษทางอาญาถึงขั้นจำคุกตามมาตรา ๑๕๗ ที่สมาชิกรัฐสภาได้กล่าวหาหรือเป็นเพียงกรณีที่คณะกรรมการป.ป.ช. ได้ใช้อำนาจไปในทางที่"ไม่ชอบ" ด้วยกฎหมายในฐานที่ตนตีความบทกฎหมายผิดจึงเข้าใจว่าตนเองมีอำนาจที่จะออกระเบียบฯ ซึ่งเป็นปัญหาดังกล่าวได้โดยชอบด้วยกฎหมาย หารกการใช้อำนาจของขณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นความผิดตามกฎหมายปกครอง ซึ่งถือว่าได้กระทำไปโดย “ไม่ชอบ” ด้วยกฎหมายในเรื่องของการออกกฎโดยไม่ชอบแล้วผลจากการออกกฎโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนี้ ย่อมจะส่งผลให้ต้องมีการเพิกถอนกฎดังกล่าวเสีย ไม่จำต้องถูกพิพากษาให้ลงโทษจำคุกตามที่กฎหมายอาญามาตรา ๑๕๗ บัญญัติไว้

Article Details

How to Cite
lertpaithoon, somkit . (2020). คดี ป.ป.ช. : มิชอบด้วยกฎหมาย Vs. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย. King Prajadhipok’s Institute Journal, 3(2). Retrieved from https://so06.tci-thaijo.org/index.php/kpi_journal/article/view/244821
Section
Original Articles