การประยุกต์ใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน สำหรับนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์

Main Article Content

จุรี ทัพวงษ์

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ  1)  ศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน  2)  พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานสำหรับนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์  3)  ประยุกต์ใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน  สำหรับนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์  คณิตศาสตร์  4)  ประเมินผลและปรับปรุงกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานกลุ่มตัวอย่างได้แก่  นักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  ที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์  คณิตศาสตร์  ในเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดชลบุรี  และพื้นที่ใกล้เคียง  จำนวน  40  คน  โดยใช้การเลือกแบบเจาะจง  เป็นการวิจัยและพัฒนาแบบแผนการทดลอง  คือ  One  Group  Pretest  Posttest  Design  ใช้เวลาในการฝึกอบรม  4  วัน  3  คืน  เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย  กิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน  แบบทดสอบความรู้ความเข้าใจก่อนและหลังการเข้ากิจกรรม  แบบประเมินผลการเรียนรู้ของตนเอง  แบบประเมินความคิดเห็นที่มีต่อกิจกรรม  แบบประเมินด้านทักษะและพฤติกรรมการทำโครงงาน  การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าร้อยละค่าเฉลี่ย  (gif.latex?\bar{X})  ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน  (S.D.)  ค่าที  (t-test)  และการวิเคราะห์เนื้อหา


ผลการวิจัยพบว่า


1)  ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน  พบว่า  กิจกรรมเน้นการอบรมเชิงปฏิบัติการ  ซึ่งมีกิจกรรมหลากหลายมีวิธีการวัดผลและประเมินผลที่ชัดเจนพร้อมสื่อที่ทันสมัย


2)  ผลการจัดทำกิจกรรม  ประกอบด้วย  เนื้อหากิจกรรม  จำนวน  6  หน่วย  ได้แก่  1)  แนวคิดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน  2)  หลักการ  FAILA  Model  3)  พื้นฐานความรู้การประดิษฐ์คิดค้น  4)  ฝึกปฏิบัติงานตามโครงงาน  5)  นำเสนอผลการปฏิบัติงาน  (Show  and  Share)  และ  6)  ประเมินผลการเรียนรู้


3)  ผลการประยุกต์ใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานกับนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  ที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์  คณิตศาสตร์  จำนวน  40  คน  พบว่านักเรียนที่เข้ารับการอบรมมีความสนใจ  ให้ความสำคัญต่อกิจกรรมโครงงาน


4)  ผลการประเมินกิจกรรม  พบว่า  ก่อนและหลังการเข้าร่วมกิจกรรม  นักเรียนมีความรู้  ความเข้าใจการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน  แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.01  การประเมินตนเองภาพรวมอยู่ในเกณฑ์มีความรู้มาก  ความคิดเห็นที่มีต่อกิจกรรมเห็นด้วยมาก  การประเมินด้านทักษะอยู่ในระดับมาก  และการประเมินพฤติกรรมอยู่ในระดับดี

Article Details

How to Cite
ทัพวงษ์ จ. (2019). การประยุกต์ใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน สำหรับนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์. วารสารการอาชีวศึกษาภาคกลาง, 3(2), 10–16. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/IVECJournal/article/view/246557
บท
บทความวิจัย

References

1. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์. (2547). วิเคราะห์พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติจากมุมมองทางเศรษฐศาสตร์. กรุงเทพฯ: ข้าวฟ่าง. นงลักษณ์ เชื้อดี. (2548). ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเจตนคติทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้วิธี การสอนแบบการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา.

2. นิศา แซ่เอี้ยว. (2551). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนความสามารถในการแก้ปัญหาและเจตนคติที่มีต่อวิชาการส่งเสริมการขาย ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 2 ที่เรียนโดยวิธีการสอนตามแนวทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง. วิทยานิพนธ์การศึกษา มหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา.

3. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2542). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542. กรุงเทพฯ: เซเว่นพริ้นติ้งกรุ๊ป.

4. สุวิทย์ มูลคำ และอรทัย มูลคำ. (2545). 20 วิธีจัดการเรียนรู้ : เพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและการเรียนรู้โดยการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ภาพพิมพ์.

5. Benton, Ben. (2010). Superintendent praises roject-based learning. J. MeClatch-Tribune Business news. 2(2) : 89-114.

6. Campbell, L.C. (2004). Teaching and learning through multiple intelligences. (3rd ed.). New York: Pearson Education.

7. Carnevale, A.P., Gainer, L.J. & Meltzer, A.S. (1990). Workplace basics training manual. San Francisco, CA: Jossey-Bass.

8. McDowell, Michael. (2009). Group leadership in the project-based learning classroom. Docteral Dissertation University of La Vern.

9. Wexley, K.N. & Latham, G.P. (1991). Developing and training human resources in organizations. (2nd ed.). New York: Harper Collins.