สัมพันธภาพเชิงบวกระหว่างพี่น้อง : ประสบการณ์ของพี่ที่มีน้องออทิสติก

Main Article Content

ปองปรางค์ สำฤทธิ์
ชมพูนุท ศรีจันทร์นิล
สุรีพร อนุศาสนนันท์

บทคัดย่อ

งานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับสัมพันธภาพเชิงบวกระหว่างพี่น้องออทิสติก โดยเฉพาะในกลุ่มพี่น้องออทิสติกวัยผู้ใหญ่นั้นยังมีจำกัด งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายองค์ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาสัมพันธภาพเชิงบวกระหว่างพี่ที่มีน้องออทิสติกจากมุมมองของผู้เป็นพี่วัยผู้ใหญ่ โดยมุ่งตอบคำถามการวิจัยที่ว่า “สัมพันธภาพเชิงบวกระหว่างพี่ที่มีพัฒนาการปกติและน้องออทิสติกเกิดขึ้นได้อย่างไร” ผ่านการใช้ระเบียบวิธีวิจัยการวิเคราะห์เชิงปรากฏการณ์วิทยาแบบตีความ (Interpretative Phenomenological Analysis; IPA) ข้อมูลวิจัยได้มาจากการใช้รูปภาพเป็นฐานในการสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้างกับผู้เข้าร่วมวิจัยจำนวน6 คนที่เป็นพี่อายุ 21 ปีขึ้นไปที่มีน้องออทิสติก บทความวิจัยนี้นำเสนอผลการวิจัยที่แสดงให้เห็นถึงที่มาสำคัญของสัมพันธภาพเชิงบวกระหว่างพี่น้องออทิสติกทั้งสิ้น 3 ใจความสำคัญหลักคือ ใจความสำคัญหลักที่ 1 ครอบครัวมีอิทธิพลต่อการพัฒนาสัมพันธภาพระหว่างพี่น้อง โดยมี 2 ใจความสำคัญรองได้แก่ 1.1) แม่มีอิทธิพลต่อสัมพันธภาพระหว่างพี่น้อง และ 1.2) การแสดงออกของสมาชิกครอบครัวมีผลต่อความรู้สึกของพี่ และใจความสำคัญหลักที่ 2 การใช้ชีวิตร่วมกันอย่างใกล้ชิดตั้งแต่วัยเด็กก่อให้เกิดสัมพันธภาพเชิงบวกระหว่างพี่น้อง ประกอบไปด้วย 4 ใจความสำคัญรอง ได้แก่ 2.1) การใช้ชีวิตร่วมกันช่วยพัฒนาความเข้าใจของพี่ (ที่มีต่อน้อง) 2.2) การใช้ชีวิตร่วมกันทำให้เกิดการยอมรับ ซึ่งกันและกันระหว่างพี่น้อง 2.3) การได้ทำกิจกรรมใหม่ ๆ ร่วมกันมีส่วนช่วยในการสานสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง 2.4) การเปลี่ยนแปลงของช่วงวัยมีผลต่อการพัฒนาสัมพันธภาพระหว่างพี่น้อง ใจความสำคัญหลักที่ 3 น้องคือคนสำคัญสำหรับพี่ ประกอบด้วย 2 ใจความสำคัญรองได้แก่ 3.1) น้องคือส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตและ 3.2) น้องมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกเส้นทางในการดำเนินชีวิต ผลการวิจัยสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาบริการปรึกษาเชิงจิตวิทยาสำหรับการดูแล สุขภาวะทางใจของพี่น้องและครอบครัวที่มีบุคคลออทิสติก เพื่อช่วยให้บุคคลในครอบครัวเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนทาง จิตใจและสังคมรวมถึงพัฒนาสัมพันธภาพเชิงบวกระหว่างสมาชิกในครอบครัวที่มีบุคคลออทิสติกได้อย่างเหมาะสม

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
สำฤทธิ์ ป., ศรีจันทร์นิล ช., & อนุศาสนนันท์ ส. (2024). สัมพันธภาพเชิงบวกระหว่างพี่น้อง : ประสบการณ์ของพี่ที่มีน้องออทิสติก. วารสารการอาชีวศึกษาภาคกลาง, 8(1), 134–148. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/IVECJournal/article/view/274116
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

Courcy, I., & Koniou, I. (2022). A scoping review of the use of photo-elicitation and photovoice with autistic and neurodiverse people. Moving towards more inclusive research?. Disability & Society, pp. 1-22.

Hoskinson, J.E. (2011). How does having a sibling with autism spectrum conditions impact on adolescents' psychosocial adjustment?. England: University of Leeds.

Larkin, M., Eatough, V., & Osborn, M. (2011). Interpretative phenomenological analysis and embodied, active, situated cognition. Theory & Psychology, 21, (3), pp. 318–337.

Lucy, Aimee, Elizabeth, & Gillatt. (2007). Having a brother or sister with autism: Children's experiences of the sibling relationship. (Doctor of Philosophy). University of Leicester, England, UK.

Moss, P., Eirinaki, V., Savage, S., & Howlin, P. (2019, July). Growing older with autism – The experiences of adult siblings of individuals with autism. Research in Autism Spectrum Disorders, 63, pp. 42-51.

Smith, J. A., Flowers, P., and Larkin, M. (2022). Interpretative Phenomenological Analysis: Theory, Method and Research (2nd ed.). London: Sage.

Schmeer, A., Harris, V.W., Forthun, L., Valcante, G., & Visconti, B. (2021). Through the eyes of a child: Sibling perspectives on having a sibling diagnosed with autism. Netherlands: Elsevier.

Srichannil, C. (2019, January-April). Interpretative Phenomenological Analysis: Quality Criteria. Journal of Human Sciences, 20, (1), pp. 189-213.

Watson, L., Hanna, P., & Jones, C.J. (2021). A systematic review of the experience of being a sibling of a child with an autism spectrum disorder. Clin Child Psychol Psychiatry, 26, (3), pp. 734-749.

Yeh, H.-C., & Lempers, J. D. (2004). Perceived sibling relationships and adolescent development. Journal of Youth and Adolescence, 33, (2), pp. 133–147.