การพัฒนารูปแบบการจัดสวัสดิการชุมชนแบบพึ่งพาตนเองของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตในเขตภาคกลางตอนล่าง 1
คำสำคัญ:
การวิจัยและพัฒนา, การจัดสวัสดิการชุมชน, กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการณ์ การจัดสวัสดิการชุมชนแบบพึ่งพาตนเอง และวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต 2) พัฒนารูปแบบการจัดสวัสดิการชุมชนแบบพึ่งพาตนเองของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต 3) ทดลองใช้รูปแบบการจัดสวัสดิการชุมชนแบบพึ่งพาตนเองของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต 4) ประเมินและปรับปรุงรูปแบบการจัดสวัสดิการชุมชนแบบพึ่งพาตนเองของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตในเขตภาคกลางตอนล่าง 1 ดำเนินการวิจัย 4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 เป็นการศึกษาสภาพการณ์ และการปฏิบัติที่เป็นเลิศ โดยคณะกรรมการและสมาชิกของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต รวมทั้งสิ้น 30 คน โดยการคัดเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ แนวทางการสัมภาษณ์เชิงลึก การสนทนากลุ่ม การสังเกต การรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ขั้นตอนที่ 2 ออกแบบและการพัฒนารูปแบบฯ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน เครื่องมือที่ใช้ เป็นแบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป สถิติที่ใช้ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ขั้นตอนที่ 3 ทดลองใช้กับกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านหนองมะตูม ตำบลดอนแร่ อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ แบบทดสอบความรู้ การจัดเวทีเสวนา การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป สถิติที่ใช้ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าที และการวิเคราะห์เนื้อหา ขั้นตอนที่ 4 ประเมินและปรับปรุงรูปแบบฯ กลุ่มเป้าหมาย จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ แบบสอบถามความพึงพอใจ และแนวทางการถอดบทเรียน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และถอดบทเรียนด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า 1. สภาพการณ์ คนในชุมชนมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด มีการออมเงินร่วมกัน ทำให้มีเงินทุนในการประกอบอาชีพ และใช้จ่ายในยามเจ็บไข้ได้ป่วย แล้วขยายผลเป็นการช่วยเหลือด้านอื่นๆ การปฏิบัติที่เป็นเลิศของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต พบว่ามาจากการที่คณะกรรมการและสมาชิกของกลุ่มฯมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต มีส่งเสริมให้ประชาชนมีการออมเงิน เป็นการรวมตัวกันของชาวบ้าน เพื่อช่วยเหลือตนเอง ซึ่งกันและกัน โดยการประหยัดทรัพย์ และปลูกฝังสมาชิกกลุ่มด้วยการใช้คุณธรรม การจัดสวัสดิการชุมชนเกิดจากการออมเงิน แล้วแบ่งให้คนที่มีความต้องการเงินทุนไปประกอบอาชีพ ได้มีการนำผลกำไรของกลุ่มมาจัดสวัสดิการ โดยระบบการจัดสวัสดิการที่ดีควรให้ทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วม โดยตกลงกติกาและใช้ร่วมกัน จากความต้องการของคนในชุมชน 2. ผลการพัฒนารูปแบบชื่อว่า “TONMAI Model” ได้แก่ 1) T - Trust (ความไว้วางใจ) 2) O - Opportunities (โอกาส) 3) N - Networking (เครือข่าย) 4) M – Management (การจัดการ) 5) A – Activity (กิจกรรม) 6) I – Impression (ความประทับใจ) ที่ผ่านการรับรองแล้ว 3. ผลการทดลองรูปแบบ ผู้ที่เข้ารับการอบรมมีความรู้หลังการอบรมสูงกว่าก่อนการอบรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 การจัดเวทีเสวนาของสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ และ 4. ผลของการประเมินมีความพึงพอใจในภาพรวมของกลุ่มทดลองที่มีต่อรูปแบบฯอยู่ในระดับมาก และผลการถอดบทเรียน กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตมีเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาคนในชุมชนให้มีการดำเนินชีวิต และเรียนรู้การทำงานร่วมกันในรูปแบบ“กระบวนการกลุ่ม” และใช้ “สัจจะออมทรัพย์” เป็นเครื่องมือในการสร้างวินัยการออมของสมาชิกเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในระดับชุมชน และใช้ผลกำไรของกลุ่มนำมาแบ่งปัน และช่วยเหลือกันเป็นสวัสดิการในชุมชน ดูแลตั้งแต่เกิดแก่เจ็บตาย และพัฒนาการศึกษาของคนในชุมชน รวมถึงนำเงินมาใช้ในการพัฒนาสาธารณะประโยชน์ร่วมกันของคนชุมชน รวมถึง วัด ศาสนสถานในชุมชนด้วย และสะท้อนว่า คนในชุมชนชนบทจนเงินแต่ไม่จนน้ำใจ" อยู่ร่วมกันแบบสามัคคีรักใคร่กลมเกลียว เป็นวิถีของการพึ่งพาตนเอง ให้ความช่วยเหลือเอื้ออาทรซึ่งกันและกันของคนในชุมชน
References
กรมพัฒนาชุมชน. (2552). ความเข้มแข็งของเครือข่ายหมู่บ้าน กข.คจ. กรุงเทพมหานคร: ชุมชนสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย.
กฤติญา กีรติกอบมณี. (2559). “รูปแบบการจัดสวัสดิการชุมชนเชิงบูรณาการระดับเมือง”. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาพัฒนศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร.
จารึก แก้วมณี และ ไมตรี อินเตรียะ. (2564). การเสริมสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต กรณีศึกษาบ้านนาปรัง ตำบลคลองกวาง อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา. วารสาร มจร การพัฒนาสังคม 6 (1), 80-89.
โชคชัย เดชรอด. (2564). การวิเคราะห์อัตราส่วนความมั่นคงทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี จำกัด วารสารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี 3 (6), 73 -87.
ธีรศักดิ์ อุ่นอารมณ์เลิศ. (2554). วิธีวิทยาการวิจัยทางสังคมศาสตร์. นครปฐม: คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยศิลปากร.
นรินทร์ สังข์รักษา. (2555). “การถอดบทเรียน: เทคนิควิธีการเรียนรู้บทเรียนเพื่อการพัฒนาชุมชน.” วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร 9 (2), 18-33.
นิเทศ สนั่นนารี และ เดชา บัวเทศ. (2562). ความอยู่รอดของกลุ่มออมทรัพย์: รูปแบบการบริหารจัดการกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต บ้านหนองมน อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี. วารสารบัณฑิตศึกษามหาจุฬาขอนแก่น 8 (3), 277 – 286.
ประเวศ วะสี. (2542). เศรษฐกิจชุมชนทางเลือกเพื่อทางรอดสังคมไทย. กรุงเทพมหานคร: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิ่ง.
สลิลทิพย์ เชียงทอง และ อินทิรา วิทยสมบูรณ์. (2552). คู่มือการดำเนินงานโครงการสนับสนุนการจัดสวัสดิการชุมชน.กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์แอ๊ปป้าพริ้นติ้งกรุ๊ปจำกัด
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (ม.ป.ป.). (2566). ยุทธศาสตร์ชาติฉบับประกาศราชกิจจานุเบกษา. สืบค้นเมื่อ 1 พฤษภาคม 2566, จาก http://nscr.nesdc.go.th/ns/
สำนักงานบริหารกองทุนพัฒนาชุมชน.กรมการพัฒนาชุมชน. (2563). ปุจฉาวิสัชนากองทุนหมู่บ้าน 1 ล้านบาท. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งชาติ.
อภิญญา เวชยชัย และกิติพัฒน์ นนทปัทมะดุล. (2546). การพัฒนาระบบสวัสดิการสำหรับคนจนและคนด้อยโอกาส: กลุ่มคนจนผู้ด้อยโอกาสและกลุ่มเสี่ยงที่ประสบปัญหาทางสังคม. กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Babbie, E. (2002). The basics of social research.(2nd ed.). Belmot, CA: Wadsworth.
John W. Best and James V. Kahn. (1988). Research in Education. United States of America
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2023 มจร การพัฒนาสังคม
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.