Journal Information
Editor : ดร.วสันต์ ลิ่มรัตนภัทรกุล

คำแนะนำสำหรับผู้เขียน
บทความที่ส่งมาขอรับการตีพิมพ์ในวารสาร มจร การพัฒนาสังคมจะต้องไม่เคยตีพิมพ์ หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น ผู้เขียนบทความจะต้องยินยอมและปฏิบัติตาม หลักเกณฑ์รูปแบบ ขั้นตอนการดำเนินการเกี่ยวกับการเสนอ บทความวิจัย บทความวิชาการ บทวิจารณ์หนังสือ บทความปริทรรศน์ และบทความพิเศษ เพื่อตีพิมพ์ในวารสาร มจร การพัฒนาสังคม อย่างเคร่งครัด รวมทั้งระบบการอ้างอิงในเนื้อหาและอ้างอิงในท้ายบทความ (References) ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของวารสารในรูปแบบของ APA 6th edition ดูตัวอย่าง
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสาร มจร การพัฒนาสังคม ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสาร มจร การพัฒนาสังคม รวมทั้งผู้เขียนจะต้องคำนึงถึงจริยธรรมการวิจัย ไม่ละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง ซึ่งทางวารสารได้กำหนดความซ้ำซ้อนของผลงาน ด้วยโปรแกรม CopyCatch ในระบบเว็บไซต์ของ ThaiJO ไม่เกิน 20% โดยคำแนะนําสำหรับผู้เขียนนี้ได้มีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม และให้มีผลตั้งแต่ เดือน มกราคม 2565 เป็นตันไป
ผู้ประสงค์จะตีพิมพ์บทความต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข และกระบวนการดังต่อไปนี้
1. ผู้เขียนจะต้องศึกษารูปแบบและตรวจสอบการเขียนบทความให้ตรงตามรูปแบบของวารสาร
2. แนบไฟล์บทความ (Microsoft word) เข้าสู่ระบบออนไลน์ที่ เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก และแนบ แบบฟอร์มการส่งบทความเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ และเอกสารอื่นๆ (ถ้ามี) ลงในกระทู้สนทนา (Discussion) พร้อมแจ้งและติดต่อประสานงานไปที่ ผู้ประสานงานวารสาร พระภูชิสสะ ปญฺญาปโชโต โทร. 089 732 8951 ทั้งนี้ผู้เขียน ต้องระบุต้นสังกัด และเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้โดยตรง ไว้ในกระทู้สนทนา (Discussion)
3. บทความต้องผ่านการตรวจรูปแบบจากกองบรรณาธิการ และผู้เขียนต้องปรับแก้ไขให้สมบูรณ์และถูกต้องตามคำแนะนําของกองบรรณาธิการ
4. เนื้อหาบทความและองค์ประกอบของบทความต้องผ่านการตรวจพิจารณาและอนุมัติจากกองบรรณาธิการ เพื่อส่งให้ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาประเมินบทความ
5. เมื่อบทความผ่านการอนุมัติจากกองบรรณาธิการแล้ว ผู้เขียนต้องทำการโอนเงินค่าธรรมเนียมบทความ ดังนี้

6. บทความต้องผ่านการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิอย่างน้อย 2 ท่าน และการพิจารณาของกองบรรณาธิการถือเป็นที่สิ้นสุด ในกรณีที่บทความของท่านไม่ผ่านการประเมินและพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ และกองบรรณาธิการ วารสารขอสงวนสิทธิ์ในการไม่รับตีพิมพ์บทความและไม่คืนเงินโดยประการทั้งปวง
7.ิวารสาร มจร การพัฒนาสังคม เมื่อได้ผ่านการประเมินคุณภาพจากศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI) โดยได้รับการจัดให้อยู่ในวารสารกลุ่มใด ๆ ก็ตาม ผู้เขียนยินยอมที่จะรับผลการประเมินนั้นโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
8. เนื้อหาบทความที่แก้ไขตามผู้ประเมิน ต้องไฮไลท์ตัวอักษรสีแดง เพื่อให้กองบรรณาธิการได้เช็คตรวจสอบว่าท่านได้แก้ไขจริง และ หากท่านไม่ไฮไลท์ตัวอักษรสีแดง ทางวารสารจะถือว่าท่านไม่ได้แก้ไขบทความตามผู้ประเมิน และส่งไฟล์(Microsoft word) บทความที่แก้ไขสมบูรณ์แล้วแนบเข้ามาในระบบ โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน หลังจากวารสารได้ส่งผลประเมินให้ผู้เขียนทราบ
9. ทั้งนี้แม้บทความที่ผ่านการอนุมัติแล้ว ภายหลังพบว่า หากไม่สามารถติดต่อผู้เขียนบทความได้ และผู้เขียนไม่ยอมแก้ไขบทความให้สมบูรณ์หรือแก้ไขบทความล่าช้าไม่ตรงตามระยะเวลาที่กำหนด ทางวารสารขอสงวนสิทธิ์ที่จะปฏิเสธไม่รับตีพิมพ์บทความ และขอยกเลิกใบตอบรับตีพิมพ์บทความ โดยวารสารจะแจ้งผ่านทางอีเมล์จากระบบที่ผู้เขียนได้ลงทะเบียนไว้แล้วเท่านั้น
10. การจัดเลื่อนลำดับเพื่อเผยแพร่บทความในแต่ละฉบับ เป็นอำนาจและสิทธิ์ในการตัดสินใจของกองบรรณาธิการ โดยไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าของบทความ ถ้าหากพบว่าบทความและกระบวนการการส่งบทความในระบบไม่สมบูรณ์
11. ความก้าวหน้าเกี่ยวกับบทความ เป็นความรับผิดชอบของเจ้าของบทความที่ต้องติดตามสอบถามอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้กองบรรณาธิการ จะแจ้งให้ทราบในระบบของวารสาร
การส่งบทความเข้าระบบ ThaiJO เพื่อได้รับการตีพิมพ์
การส่งในระบบ (Online Submission) สามารถส่งเข้าระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของ. วารสาร มจร การพัฒนาสังคม ได้ที่ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/JMSD เมื่อส่งเข้าระบบสำเร็จให้แจ้งข้อมูลให้กองบรรณาธิการทราบที่ LINE ID: 0897328951 หรือโทร. 089 732 8951 เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก
ระเบียบการส่งต้นฉบับ
กองบรรณาธิการได้กำหนดระเบียบการส่งต้นฉบับไว้ให้ผู้เขียนยึดเป็นแนวทางในการส่งต้นฉบับสำหรับการตีพิมพ์ลงวารสาร มจร การพัฒนาสังคม และกองบรรณาธิการสามารถตรวจสอบต้นฉบับก่อนการตีพิมพ์ เพื่อให้วารสารมีคุณภาพสามารถนำไปใช้อ้างอิงได้
1. ศึกษารูปแบบของวารสาร
ผู้เขียนจะต้องศึกษารูปแบบการเขียน และตรวจสอบให้บทความมีความถูกต้องตรงตามแนวทางที่วารสารกำหนด
2. ส่งบทความเข้าสู่ระบบออนไลน์
แนบไฟล์บทความในรูปแบบ Microsoft Word พร้อม แบบฟอร์มขอส่งบทความเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ ผ่านระบบออนไลน์ โดย เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก พร้อมติดต่อประสานงานกับ
ผู้ประสานงานวารสาร
พระภูชิสสะ ปญฺญาปโชโต
โทร. 089-732-8951
ผู้เขียนต้องระบุ ต้นสังกัด และ เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้โดยตรง ใน กล่องโต้ตอบ (Discussion Box)
3. การตรวจรูปแบบโดยกองบรรณาธิการ
บทความต้องผ่านการตรวจสอบรูปแบบเบื้องต้นโดยกองบรรณาธิการ และผู้เขียนต้องดำเนินการปรับแก้ตามคำแนะนำให้เรียบร้อยก่อนเข้าสู่กระบวนการประเมิน
4. การอนุมัติเนื้อหา
กองบรรณาธิการจะตรวจสอบเนื้อหาและองค์ประกอบของบทความ ก่อนส่งให้ผู้ทรงคุณวุฒิประเมิน
5. ค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์
เมื่อบทความผ่านการอนุมัติจากกองบรรณาธิการแล้ว ผู้เขียนต้องโอนเงินค่าธรรมเนียมตามอัตราดังนี้:
บทความวิชาการ: 4,000 บาท
บทความวิจัย: 4,500 บาท
ช่องทางการชำระเงิน
ธนาคาร: ทหารไทยธนชาต (ttb)
ชื่อบัญชี: มจร หลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต
เลขที่บัญชี: 633-2-50223-3
แนบ สลิปหลักฐานการโอนเงิน ในกล่องข้อความโต้ตอบ หรือกระทู้สนทนา (Discussion) ในระบบวารสาร
⚠️ ทั้งนี้วารสารไม่มีนโยบายเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเกินกว่าที่กำหนด โปรดระวังการแอบอ้าง ซึ่งวารสารไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และจะไม่รับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าว
6. การประเมินบทความโดยผู้ทรงคุณวุฒิ
บทความต้องผ่านการประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิ อย่างน้อย 2 ท่าน และการพิจารณาของกองบรรณาธิการถือเป็นที่สิ้นสุด หากบทความไม่ผ่านการประเมิน วารสารขอสงวนสิทธิ์ไม่รับตีพิมพ์ และไม่คืนค่าธรรมเนียม
7. การยอมรับผลการประเมินจาก TCI
ผู้เขียนยินยอมรับผลการประเมินคุณภาพของวารสารจากศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI) ไม่ว่าผลจะจัดอยู่ในกลุ่มใดก็ตาม โดยไม่มีข้อโต้แย้ง
8. การแก้ไขตามผลประเมิน
ผู้เขียนต้อง ไฮไลต์ข้อความที่แก้ไขด้วยตัวอักษรสีแดง เพื่อให้กองบรรณาธิการตรวจสอบ หากไม่มีการไฮไลต์ จะถือว่าไม่ได้ดำเนินการแก้ไขตามข้อเสนอแนะ ส่งบทความที่แก้ไขแล้วในระบบภายใน 15 วัน หลังได้รับผลประเมิน
9. การติดต่อและระยะเวลาในการแก้ไขบทความ
ทั้งนี้แม้บทความได้รับการอนุมัติแล้ว ภายหลังหากพบว่าไม่สามารถติดต่อผู้เขียน หรือผู้เขียนไม่แก้ไขบทความภายในระยะเวลาที่กำหนด วารสารขอสงวนสิทธิ์ในการ
ปฏิเสธการตีพิมพ์
ยกเลิกใบตอบรับ
โดยจะแจ้งผลผ่านอีเมลที่ผู้เขียนลงทะเบียนไว้ในระบบ
10. การจัดลำดับบทความในวารสาร
การเผยแพร่บทความในแต่ละฉบับเป็น ดุลยพินิจของกองบรรณาธิการ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงลำดับได้โดยไม่ต้องแจ้งให้เจ้าของบทความทราบ หากพบว่ากระบวนการส่งบทความไม่สมบูรณ์
11. ความรับผิดชอบในการติดตามบทความ
เจ้าของบทความมีหน้าที่ ติดตามสถานะบทความด้วยตนเอง โดยกองบรรณาธิการจะแจ้งผลในระบบของวารสาร
ผู้เขียนสามารถส่งบทความเข้าสู่ระบบ ออนไลน์ (Online Submission) ได้ผ่านเว็บไซต์ของ วารสาร มจร การพัฒนาสังคม ที่: https://so06.tci-thaijo.org/index.php/JMSD
เมื่อส่งบทความผ่านระบบเรียบร้อยแล้ว กรุณาแจ้งข้อมูลให้กองบรรณาธิการทราบที่:
ผู้ประสานงานวารสาร: พระภูชิสสะ ปญฺญาปโชโต
โทรศัพท์: 089-732-8951
LINE ID: 0897328951
หากยังไม่มีบัญชีในระบบ กรุณา สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ ก่อนส่งบทความ
กองบรรณาธิการได้กำหนด ระเบียบการส่งต้นฉบับ เพื่อให้ผู้เขียนใช้เป็นแนวทางในการจัดเตรียมและส่งต้นฉบับสำหรับการตีพิมพ์ใน
วารสาร มจร การพัฒนาสังคม
ต้นฉบับทุกบทความจะต้องผ่านการตรวจสอบเบื้องต้นโดยกองบรรณาธิการ ก่อนเข้าสู่กระบวนการพิจารณาตีพิมพ์ เพื่อให้บทความมี ความถูกต้อง ครบถ้วน และสอดคล้องกับ มาตรฐานทางวิชาการ อันจะส่งผลให้วารสารมีคุณภาพ และสามารถนำไปใช้อ้างอิงในระดับวิชาการได้อย่างเหมาะสม
รูปแบบบทความวิจัย
บทความวิจัยมีองค์ประกอบหัวข้อ ดังนี้
1. ชื่อเรื่องภาษาไทย (18 pt.) ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ (16 pt.) ตัวหนา จัดกึ่งกลางหน้ากระดาษ
2. ชื่อผู้เขียนบทความ และผู้เขียนร่วม ภาษาไทย (16 pt.) ตัวหนา จัดชิดขวาของหน้ากระดาษ
3. ชื่อผู้เขียนบทความ และผู้เขียนร่วม ภาษาอังกฤษ (14 pt.) ไม่หนา จัดชิดขวาของหน้ากระดาษ
- ระบุเลขยกหน้าผู้เขียนแต่ละท่าน กรณีมาจากสังกัด คณะ สถาบันเดียวกันใช้เลขยกเพียงเลขเดียว
- ผู้เขียนบทความรวมทั้งผู้เขียนร่วมไม่ควรเกิน 4 ท่าน (ถ้ามากกว่านี้ ต้องแสดงหลักฐานว่าเป็นผู้วิจัยหรือผู้ร่วมวิจัย, ทั้งนี้ให้ใส่ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์)
4. คณะ สถาบัน ภาษาไทยขนาด (16 pt.) ตัวหนา, ภาษาอังกฤษขนาด (14 pt.) ไม่หนา จัดชิดขวา
5. Corresponding Author’s Email อีเมลที่สามารถติดต่อได้ (14 pt.) ไม่หนา จัดชิดขวา
6. บทคัดย่อภาษาไทย และ ABSTRCT ขนาด (18 pt.) ตัวหนา จัดกึ่งกลางหน้ากระดาษ เนื้อหา ขนาด (16 pt.) ไม่หนา จำนวนคำไม่เกิน 350 คำ (บทคัดย่อภาษาอังกฤษ แปลรักษารูปคํา และประโยคให้ตรงกับภาษาไทย ไม่แปลสรุปย่อ ไม่แปลจับประเด็น ไม่แปลขยายความ ใส่ตัวเลขข้อย่อหน้า วรรคตอน ลำดับหัวข้อหลัก หัวข้อรอง ให้ตรงกับภาษาไทย)
7. คำสำคัญ, Keyword (16 pt.) (3 – 5 คํา ตามชื่อของบทความ คั่นด้วยเครื่องหมาย Semicolon ; ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ)
8. บทนำ (ตัวหนา 16 pt.) อาจแบ่งเป็น 4 ย่อหน้า ดังนี้
- ความเป็นมาของ บริบท สภาพปัญหาของประเด็น (อ้างอิง)
- ทบทวนวรรณกรรมหลักการทฤษฎี (อ้างอิง)
- ปัญหาเชิงบริบทพื้นที่หรือปัญหากรณีศึกษา/เชิงสถานการณ์ (อ้างอิง)
- สรุปหลักการ เหตุผล แรงจูงใจ
9. วัตถุประสงค์ของการวิจัย (ตัวหนา 16 pt.)
1. เพื่อ
2. เพื่อ
3. เพื่อ
10. วิธีการดำเนินการวิจัย (ตัวหนา 16 pt.)
ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาด้านเนื้อเอกสารแนวคิดทฤษฎี
ขั้นตอนที่ 2 การศึกษาในภาคสนาม
ขั้นตอนที่ 3 ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ
ขั้นตอนที่ 4 เครื่องมือและวิธีการที่ใช้ในการศึกษา เช่น
1) การสัมภาษณ์
2) การจัดประชุมกลุ่มย่อย (Focus group)
ขั้นตอนที่ 5 การเก็บรวบรวมข้อมูล
ขั้นตอนที่ 6 การวิเคราะห์ข้อมูล
ขั้นตอนที่ 7 สรุปผลการศึกษาวิจัย และ การนำเสนอผลการศึกษาวิจัย
11. ผลการวิจัย (ตัวหนา 16 pt.) เขียนตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย ว่าแต่ละวัตถุประสงค์มีผลอย่างไร
วัตถุประสงค์ที่ 1. ผลการวิจัยพบว่า
วัตถุประสงค์ที่ 2. ผลการวิจัยพบว่า
วัตถุประสงค์ที่ 3. ผลการวิจัยพบว่า
12. อภิปรายผลการวิจัย (ตัวหนา 16 pt.) เสนอเป็นความเรียง ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยง ความสอดคล้อง ความเหมือน ความแตกต่างกับกรอบแนวคิดทฤษฎีงานวิจัยอื่นๆในอดีตที่ผ่านมาอย่างไร
ผลจากการวิจัยวัตถุประสงค์ข้อที่ 1 พบว่า ทั้งนี้เป็นเพราะ สอดคล้องกับแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยของ (อ้างอิง)
ผลจากการวิจัยวัตถุประสงค์ข้อที่ 2 พบว่า ทั้งนี้เป็นเพราะ สอดคล้องกับแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยของ (อ้างอิง)
ผลจากการวิจัยวัตถุประสงค์ข้อที่ 3 พบว่า ทั้งนี้เป็นเพราะ สอดคล้องกับแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยของ (อ้างอิง)
13. องค์ความรู้ใหม่ (ตัวหนา 16 pt.)
องค์ความรู้ใหม่ (องค์ความรู้จากผู้วิจัย) คือ การสังเคราะห์ชุดองค์ความรู้ออกมาในรูปแบบของแผนภูมิ แผนภาพ ผังมโนทัศน์ หรือโมเดล พร้อมทั้งการอธิบายเชิงกระบวนการ วิธีการขั้นตอน คุณค่า ประโยชน์ รูปแบบแนวทางการนําไปใช้ประโยชน์ที่ก่อให้เกิดแนวทางขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อให้เกิดการส่งเสริม/การพัฒนา/การเปลี่ยนแปลงของบุคคล สังคม และองค์กร (อธิบายให้กระชับรัดกุม เข้าใจได้ง่าย)
14. สรุป (ตัวหนา 16 pt.)
สรุปโดยรวมครอบคลุมผลการวิจัย เขียนเป็นความเรียง ไม่แทรกเป็นโมเดล หรือไม่เขียนแยกเป็นข้อๆ
15. ข้อเสนอแนะ (16 pt. ตัวหนา)
จากผลการวิจัย ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้
1. ข้อเสนอแนะจากการวิจัย
ผลจากการวิจัยวัตถุประสงค์ที่ 1 พบว่า ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรดำเนินการ ดังนี้
ผลจากการวิจัยวัตถุประสงค์ที่ 2 พบว่า ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรดำเนินการ ดังนี้
ผลจากการวิจัยวัตถุประสงค์ที่ 3 พบว่า ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรดำเนินการ ดังนี้
2. ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป
สำหรับประเด็นในการวิจัยครั้งต่อไปควรทำวิจัยในประเด็นเกี่ยวกับ
2.1
2.2
2.3
16. บรรณานุกรม (ตัวหนา 18 pt.) ดูตัวอย่าง
เฉพาะบทความวิจัยควรมีการอ้างอิง 8 อ้างอิงขึ้นไป แหล่งข้อมูลอ้างอิง ที่ปรากฏในเนื้อหาบทความทั้งหมด จะต้องนํามาเขียนเป็นรายการอ้างอิงในบรรณานุกรม ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ทุกๆอ้างอิง ตามรูปแบบอ้างอิงของวารสาร และเรียงลำดับตามตัวอักษร ก–ฮ, ภาษาอังกฤษ A–Z (ห้ามอ้างอิง References ที่ไม่ปรากฏการอ้างอิงในเนื้อหาบทความ)
บทความวิชาการ
มีองค์ประกอบหัวข้อ ดังนี้
1. ชื่อเรื่องภาษาไทย (18 pt.) ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ (16 pt.) ตัวหนา จัดกึ่งกลางหน้ากระดาษ
2. ชื่อผู้เขียนบทความ และผู้เขียนร่วม ภาษาไทย (16 pt.) ตัวหนา จัดชิดขวาของหน้ากระดาษ
3. ชื่อผู้เขียนบทความ และผู้เขียนร่วม ภาษาอังกฤษ (14 pt.) ไม่หนา จัดชิดขวาของหน้ากระดาษ
- ระบุเลขยกหน้าผู้เขียนแต่ละท่าน กรณีมาจากสังกัด คณะ สถาบันเดียวกันใช้เลขยกเพียงเลขเดียว
- ผู้เขียนบทความรวมทั้งผู้เขียนร่วมไม่ควรเกิน 4 ท่าน (ถ้ามากกว่านี้ ต้องแสดงหลักฐานว่าเป็นผู้วิจัยหรือผู้ร่วมวิจัย, ทั้งนี้ให้ใส่ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์)
4. คณะ สถาบัน ภาษาไทยขนาด (16 pt.) ตัวหนา, ภาษาอังกฤษขนาด (14 pt.) ไม่หนา จัดชิดขวา
5. Corresponding Author’s Email อีเมลที่สามารถติดต่อได้ (14 pt.) ไม่หนา จัดชิดขวา
6. บทคัดย่อภาษาไทย และ ABSTRCT ขนาด (18 pt.) ตัวหนา จัดกึ่งกลางหน้ากระดาษ จำนวนคำไม่เกิน 350 คำ (บทคัดย่อภาษาอังกฤษ แปลรักษารูปคํา และประโยคให้ตรงกับภาษาไทย ไม่แปลสรุปย่อ ไม่แปลจับประเด็น ไม่แปบขยายความ ใส่ตัวเลขข้อย่อหน้า วรรคตอน ลำดับหัวข้อหลัก หัวข้อรอง ให้ตรงกับภาษาไทย)
7. คำสำคัญ, Keyword (16 pt.) (3 – 5 คํา ตามชื่อของบทความ คั่นด้วยเครื่องหมาย Semicolon ; ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ)
8. บทนำ (ตัวหนา 16 pt.) อาจแบ่งเป็น 4 ย่อหน้า ดังนี้
- ความเป็นมาของ บริบท สภาพปัญหาของประเด็น (อ้างอิง)
- หลักการ แนวคิด ทฤษฎีเชิงวิชาการ แนวทางปฏิบัติ การแก้ปัญหา หรือการส่งเสริมพัฒนา (อ้างอิง)
- สรุปหลักการ เหตุผล แรงจูงใจที่อยากจะศึกษา ความคาดหวัง คุณค่า ประโยชน์ที่คาดหวังว่าจะได้รับจากการศึกษา
9. เนื้อเรื่อง (ตัวหนา 16 pt.)
- บริบทความเป็นมา ประเด็นปัญหา แสดงสาระสำคัญภายใต้กรอบแนวคิดในเชิงวิชาการ นำเสนอตามลำดับแยกประเภทหมวดหมู่ ความสำคัญมาก ความสำคัญน้อย ประเด็นหลัก ประเด็นรอง โดยใส่ลำดับเลขข้อ ย่อหน้า วรรคตอน ให้เข้าใจได้ง่ายและชัดเจน (อ้างอิง)
- นําเสนอหลักการ แนวคิด ทฤษฎี แนวทางปฏิบัติ ที่สะท้อนมุมมอง องค์ความรู้ใหม่อย่างเป็นเป็นหมวดหมู่ เป็นระบบ เป็นขั้นตอน เพื่อเป็นทางเลือกหรือทางออกสำหรับการแก้ไขปัญหาหรือการส่งเสริมพัฒนา โดยสอดคล้องกับหลักวิชาการ (อ้างอิง)
10. สรุป (ตัวหนา16 pt.)
สรุปภาพรวมครอบคลุมผลการศึกษาที่นําเสนอ เป็นความเรียงไม่ใส่เลขเป็นข้อมาตรา ไม่เอียง ไม่หนา ไม่แทรกภาพโมเดล สะท้อนคุณค่าทางวิชาการ (ไม่ต้องแทรกอ้างอิง)
11. บรรณานุกรม (ตัวหนา16 pt.) ดูตัวอย่าง
แหล่งข้อมูลอ้างอิง ที่ปรากฏในเนื้อหาบทความทั้งหมด จะต้องนํามาเขียนเป็นรายการอ้างอิงใน บรรณานุกรม ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ทุกๆอ้างอิง ตามรูปแบบอ้างอิงของวารสาร และเรียงลำดับตามตัวอักษร ก–ฮ, ภาษาอังกฤษ A–Z (ห้ามอ้างอิง References ที่ไม่ปรากฏการอ้างอิงในเนื้อหาบทความ)
บทความปริทรรศน์ และบทวิจารณ์หนังสือ
1. ชื่อเรื่องภาษาไทย (18 pt.) ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ (16 pt.) ตัวหนา จัดกึ่งกลางหน้ากระดาษ
2. ชื่อผู้เขียนบทความ ภาษาไทย (16 pt.) ตัวหนา จัดชิดขวาของหน้ากระดาษ
3. ชื่อผู้เขียนบทความ ภาษาอังกฤษ (14 pt.) ไม่หนา จัดชิดขวาของหน้ากระดาษ
4. คณะ สถาบัน ภาษาไทยขนาด (16 pt.) ตัวหนา, ภาษาอังกฤษขนาด (14 pt.) ไม่หนา จัดชิดขวา
5. Corresponding Author’s Email อีเมลที่สามารถติดต่อได้ (14 pt.) ไม่หนา จัดชิดขวา
ข้อมูลส่วนประกอบของหนังสือที่วิจารณ์ ดังนี้ (ฟอนต์ 16 pt. ไม่หนา)
1. ภาพปกหนังสือ
2. แปลจากหนังสือ:
3. ผู้เขียน:
4. ผู้แปล:
5. สํานักพิมพ์:
6. ปีที่พิมพ์:
7. จำนวนหน้า:
6. บทนํา (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
- บริบท ความเป็นมา ของหนังสือหรือประเด็นที่ศึกษา
- องค์ประกอบของหนังสือหรือประเด็นที่ศึกษา บท หมวดหมู่ ลักษณะ ชนิด ประเภท วัตถุประสงค์ คุณค่า ประโยชน์ สาระสำคัญ ฯลฯ
7. เนื้อหา (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
รายละเอียดเนื้อหา องค์ประกอบของหนังสือหรือประเด็นที่ศึกษา บท หมวดหมู่ ลักษณะ ชนิด ประเภท วัตถุประสงค์ สาระ ประเด็น แง่คิด มุมมอง
8. บทวิจารณ์ (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
- นําเสนอหลักการ แนวคิด ผ่านการวิเคราะห์ สังเคราะห์ วิจารณ์ ที่สะท้อนมุมมองเหตุผลความคาดหวัง ผลกระทบ สาระสําคัญ ตามหลักทฤษฎีเชิงวิชาการ พร้อมเสนอแนะแนวทางเพื่อการแก้ไข การส่งเสริมและพัฒนาต่อยอด (อ้างอิงถ้ามี)
- จุดเด่น, จุดด้อย
9. สรุป (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
สรุปภาพรวมครอบคลุมผลการศึกษาที่นําเสนอ สะท้อนคุณค่า การนําไปใช้ประโยชน์ เป็นความเรียงไม่ใส่เลขเป็นข้อมาตรา ไม่เอียง ไม่หนา ไม่แทรกภาพโมเดล สะท้อนคุณค่าทางวิชาการ
10. References (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
แหล่งข้อมูลอ้างอิง ที่ปรากฏในเนื้อหาบทความทั้งหมด จะต้องนํามาเขียนเป็นรายการอ้างอิงใน References ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ทุกๆอ้างอิง ตามรูปแบบอ้างอิงของวารสาร และเรียงลำดับตามตัวอักษร ก–ฮ, ภาษาอังกฤษ A–Z (ห้ามอ้างอิง References ที่ไม่ปรากฏการอ้างอิงในเนื้อหาบทความ)
การอ้างอิงในเนื้อหาบทความ ดูตัวอย่าง
รูปแบบการอ้างอิงในเนื้อเรื่องและท้ายเล่มใช้วิธีการอ้างอิงระบบนาม – ปี ตามรูปแบบของ American Psychological Association (APA) ให้ใช้ระบบตัวอักษรโดยใช้วงเล็บ เปิด-ปิด แล้วระบุชื่อ-นามสกุลของผู้เขียน ปีที่ตีพิมพ์ และหมายเลขหน้า (ถ้ามี) กำกับท้ายเนื้อความที่ได้อ้างอิง เอกสารอ้างอิงที่ใช้อ้างอิงในบทความ จะต้องปรากฏในเอกสารอ้างอิงท้ายบทความทุกรายการ โดยรูปแบบของเอกสารอ้างอิง มีดังนี้
1) พระไตรปิฎก/อรรถกถา :
ผู้แต่ง. (ปีที่พิมพ์). ชื่อพระไตรปิฎกอรรถกถา. สถานที่พิมพ์: สำนักพิมพ์หรือโรงพิมพ์.
ตัวอย่าง. มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกฉบับภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
2) หนังสือ :
ชื่อ-นามสกุลผู้เขียน. (ปีที่พิมพ์). ชื่อหนังสือ. (พิมพ์ครั้งที่). เมืองที่พิมพ์: สำนักพิมพ์หรือโรงพิมพ์.
ตัวอย่าง. พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต). (2551). พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์. (พิมพ์ครั้งที่ 11). กรุงเทพมหานคร: เอส อาร์ พริ้นติ้ง แมสโปรดักส์.
3) สารนิพนธ์/วิทยานิพนธ์/ดุษฎีนิพนธ์/รายงานการวิจัย :
วิทยานิพน์ธ์
ชื่อ-นามสกุลผู้เขียน. (ปีที่พิมพ์). ชื่อเรื่อง. ชื่อระดับวิทยานิพนธ์/ดุษฎีนิพนธ์. สังกัด ชื่อมหาวิทยาลัย หรือแหล่งให้ทุนการวิจัย.
ตัวอย่าง.
อนุสรณ์ อุดปล้อง. (2556). ปัจจัยที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนกิจกรรมของชมรมผู้สูงอายุ: กรณีศึกษาชมรมผู้สูงอายุบ้านแม่ละเมา ตำบลพะวอ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก. (ปริญญาดุษฎีบัณฑิต). บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหิดล.
เอกสาร/รายงานการวิจัย
ชื่อ นามสกุลผู้แต่ง. (ปีพิมพ์). ชื่อเรื่อง (รายงานผลการวิจัย). สถานที่พิมพ์: สํานักพิมพ์.
ตัวอย่าง พินิจ ทิพย์มณี. (2553). การวิเคราะห์ปัญหาทางกฎหมายที่เกี่ยวกับการตายของประเทศไทย (รายงานผลการวิจัย). กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.
เอกสารการประชุมทางวิชาการ
ชื่อ นามสกุลผู้แต่ง. (ปีที่แต่ง). ชื่อเรื่อง. ใน/In ชื่อการประชุม ครั้งที่ . (หน้า/p หรือ pp). สถานที่/สังกัด: ชื่อสถาบันที่จัด
ตัวอย่าง
ชัชพล มงคลิก. (2552). การประยุกต์ใช้กระบวนการลำดับชั้นเชิงวิเคราะห์ในการจัดตารางการผลิตแบบพหุเกณฑ์: กรณีศึกษาโรงงานอุตสาหกรรมผลิตยา. ใน การประชุมวิชาการการบริหารและการจัดการครั้งที่ 5 (น.46). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต.
4) บทความในวารสาร :
ชื่อ นามสกุล. ปีที่พิมพ์. ชื่อเรื่อง. ชื่อวารสาร. ปี(ฉบับ), หน้าเริ่มต้น-หน้าสุดท้ายของเรื่อง.
ตัวอย่าง. พระมหาจีรวัฒน์ กนฺตวณฺโณ. (2561). หลักสิทธิมนุษยชนตามหลักธรรมในคำภีร์พุทธศาสนาเถรวาท. วารสาร มจร การพัฒนาสังคม. 3(1). 98-27
5) บทวิจารณ์ในหนังสือ :
ชื่อ-นามสกุลผู้เขียน. (ปีที่พิมพ์). ชื่อบทความ. ใน ชื่อบรรณาธิการ. ชื่อหนังสือ. พิมพ์ครั้งที่. (เลขหน้า). เมืองที่พิมพ์: สำนักพิมพ์ หรือโรงพิมพ์.
ตัวอย่าง. พระมหาสมจินต์ สมฺมาปญฺโญ. (2542). ทัศนะเกี่ยวกับการศึกษาของพระธรรมปิฎก (ป. อ. ปยุตฺโต) : วิเคราะห์จากหนังสือ ทางสายกลางของการศึกษาไทย. ใน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. ชีวิตและผลงานของพระธรรมปิฎก (ป. อ. ปยุตฺโต) และนานาทัศนะของนักวิชาการ. (พิมพ์ครั้งที่ 2). (40-42). กรุงเทพมหานคร: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
6) สื่ออินเตอร์เน็ต :
ชื่อ นามสกุลผู้แต่ง. (ปีที่เผยแพร่). ชื่อเรื่อง. สืบค้น (Retrieved) วัน เดือน ปี, จาก (From) ที่อยู่เว็บไซต์.
ตัวอย่าง. วัดญาณเวศกวัน. (2556). ประวัติพระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต). สืบค้น 17 ก.ย. 2556, จาก https://www.watnyanaves.net/th/web_page/biography
7) หนังสือพิมพ์ออนไลน์ :
ผู้แต่ง. (วันที่ เดือน ปีที่พิมพ์). ชื่อบทความ. ชื่อหนังสือพิมพ์. แหล่งที่มา (URL). สืบค้นเมื่อ (วันที่-เดือน-ปี).
ตัวอย่าง. เดลินิวส์. (27 ก.พ. 2562). เริ่มนำร่องการเรียนรู้สติสมาธิเป็นฐานภาคเรียนที่ 1-62. เดลินิวส์.แหล่งที่มา: https://www.dailynews.co.th/education/695610 สืบค้นเมื่อ 17 ส.ค. 2562.
8) ราชกิจจานุเบกษา :
ชื่อพระราชบัญญัติ. (วัน เดือน ปีที่พิมพ์). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ตอนที่, หน้า.
ตัวอย่าง.
พระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. 2562. (15 เมษายน 2562). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 136 ตอนที่ 50 ก. หน้า 11-21.
การอ้างอิงภาษาอังกฤษใช้เช่นเดียวกับภาษาไทย
วารสาร มจร การพัฒนาสังคม
หลักสูตรบัณฑิตศึกษา ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
สาขาวิชาการพัฒนาสังคม คณะสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
โซน B ชั้น 1 ห้อง B112 อาคารเรียนรวม
เลขที่ 79 หมู่ 1 ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13170
เว็บไซต์วารสาร: https://so06.tci-thaijo.org/index.php/JMSD
พระภูชิสสะ ปญฺญาปโชโต
โทรศัพท์: 089 732 8951
อีเมล: phumiyot.168@gmail.com
นายเกียรติพงษ์ จันทร์แก้ว
อีเมล: maxkiattipong@gmail.com
ต้นฉบับทุกบทความจะได้รับการประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) ทั้งจากภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย จำนวน 3 ท่าน ต่อบทความ โดยใช้ระบบ Double-Blind Peer Review คือ
ปกปิดชื่อผู้เขียนบทความและผู้ประเมิน
การประเมินเป็นไปตามเกณฑ์และแบบฟอร์มที่กำหนด
ผลการประเมินจะถูกส่งคืนให้ผู้เขียนเพื่อการ เพิ่มเติม แก้ไข หรือ ส่งใหม่ แล้วแต่กรณี
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็น กรรมสิทธิ์ของคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำ เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางมหาวิทยาลัย
ผู้เขียน เป็นผู้รับผิดชอบต่อเนื้อหาทั้งหมดในบทความ
ความผิดพลาดที่เกิดจาก เทคนิคการพิมพ์ ไม่ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน
วารสาร มจร การพัฒนาสังคม (JMSD) หลักสูตรบัณฑิตศึกษา สาขาวิชาการพัฒนาสังคม ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
โซน B ชั้น 1 ห้อง B 112 อาคารเรียนรวม เลขที่ 79 หมู่ที่ 1 ถนนพหลโยธิน ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13170
โทรศัพท์ : 0897328951 (พระภูชิสสะ ปญฺญาปโชโต: ผู้ประสารงานวารสาร)
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/JMSD