STEAM - BASED LEARNING MANAGEMENT FOR DEVELOPING SCIENTIFIC COMPETENCIES OF SECONDARY STUDENTS MEASURED USING AN ASSESMENT OF SCIENCE LITERACY IN LINE WITH THE PROGRAM FOR INTERNATIONAL STUDENT ASSESSMENT UNDER THE SECONDARY EDUCATIONAL SERVICE AREA OFFICE LAMPANG LAMPHUN AREA 35

Main Article Content

Somsak Gathong

Abstract

The purposes of this research study were as follows: 1) to study the effect of STEAM - based learning management on the scientific competencies of secondary students, 2) to study the modeling skills of secondary students after implementing the STEAM - based learning management, and 3) to study how satisfied the secondary students under The Secondary Educational Service Area Office Lampang Lamphun Area 35 were with the implementation of STEAM - Based learning management that they received. This study was a quasi - experimental study and has a single control group. The research had pre - test and post - test design, which tests before and after the implementation of STEAM - Based learning management to improve the scientific competencies of the secondary students. Scientific competencies were measured using an assessment of science literacy in line with the Program for international student Assessment for secondary student. The sample group in this research was 30 students in the first semester of the 2023 academic year at a selected school in Lampang Province. The secondary students were selected from the population using simple random sampling from the secondary students population at the selected school. The research instruments used were as follows: 1) a STEAM based learning management plan, 2) a scientific competencies test,             3) a modeling skill assessment questionnaire, and 4) a satisfaction assessment questionnaire. The data were analyzed by using the following statistical measures and tests: means, percentages, standard deviations, and t - tests. The research results were as follows: 1) the secondary students had higher scientific competencies after learning than before learning at the statistical significance level of p = 0.05, 2) the secondary students had modeling skills assessed at 87.87 percent, the highest level in the rubric (gif.latex?\bar{x} = 4.39, S.D. = 0.31) and 3) the secondary students gave a high satisfaction rating to the implementation of STEAM - based learning management (gif.latex?\bar{x} = 4.47, S.D. = 0.46).

Article Details

How to Cite
Gathong, S. (2024). STEAM - BASED LEARNING MANAGEMENT FOR DEVELOPING SCIENTIFIC COMPETENCIES OF SECONDARY STUDENTS MEASURED USING AN ASSESMENT OF SCIENCE LITERACY IN LINE WITH THE PROGRAM FOR INTERNATIONAL STUDENT ASSESSMENT UNDER THE SECONDARY EDUCATIONAL SERVICE AREA OFFICE LAMPANG LAMPHUN AREA 35. Journal of Social Science and Cultural, 8(4), 149–162. Retrieved from https://so06.tci-thaijo.org/index.php/JSC/article/view/273014
Section
Research Articles

References

กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศ.

จุฬารัตน์ ธรรมประทีป. (2555). การพัฒนาชุดฝึกอบรมทางไกล เรื่องการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงมโนมติสำหรับครูวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นในกรุงเทพและปริมณฑล. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 13(2), 121-133.

ชนิฐฆ์ศรา เทพจันตา. (2557). การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ข่าวเป็นสื่อเพื่อพัฒนาสมรรถนะการอธิบายปรากฏการณ์ในเชิงวิทยาศาสตร์และสมรรถนะการใช้ประจักษ์พยานทางวิทยาศาสตร์ เรื่องโมเมนตัม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. ใน วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยนเรศวร.

ธัญญเรศ ก้อนจันทร์เทศ และสิรินภา กิจเกื้อกูล. (2564). การจัดการเรียนรู้แบบสะตีมศึกษาเพื่อส่งเสริมทักษะความคิดสร้างสรรค์และเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ เรื่องสารอาหารของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่6. Journal of Roi Kaensarn Academi, 8(10), 50-69.

นันทวัน นันทวนิช. (2557). การประเมินการรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ของ PISA 2015. นิตยสาร สสวท, 42 (186) , 40-43.

น้ำฝน คูเจริญไพศาล และคณะ. (2562). ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เรื่องแสงและการมองเห็นตามแนวทางสะเต็มศึกษาสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น. วารสารศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร, 21(4), 116-182.

เบญจมาศ พุทธิมา. (2561). เอกสารประกอบการสอนการวัดและประเมินผลการเรียนรู้. ลำปาง: มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง.

ปัฐมาภรณ์ พิมพ์ทอง. (2566). การจัดการเรียนรู้สะเต็มศึกษา. (พิมพ์ครั้งที่2). กรุงเทพมหานคร: สุนทรฟิล์ม.

พรสวัสดิ์ สองแคว และอังคณา อ่อนธานี. (2560). การพัฒนาหน่วยการเรียนรู้ เรื่อง รู้รักษ์หิน ถิ่น แม่ฮ่องสอน ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เพื่อส่งเสริมการรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ สาหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่6. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 19(3), 210-224.

ภัทราวดี เอี่ยมพงษ์ และทนิตตา ชัยโชติ. (2564). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการสร้างแบบจำลอง รายวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องแสง โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานตามแนวทางสะเต็มศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/3 วิทยาลัยนาฎศิลป์. วารสารวิชาการครุศาสตร์สวนสุนันทา, 5(1), 1-11.

ภิญโญ วงษ์ทอง. (2562). ผลของการเรียนรู้บูรณาการสตีมศึกษาที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่4. วารสารหน่วยวิจัยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้, 10(1), 81-89.

วัลลภ ปริญทอง และประสาท เนืองเฉลิม. (2563). การพัฒนาทักษะการสร้างแบบจำลอง เรื่อง กรดและเบส ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบจำลองเป็นฐาน. วารสารครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 17(3), 89-100.

วิจารณ์ พานิช. (2555). วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์.

ศศิประภา อิฐานุประธานะ และคณะ. (2565). การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ด้วยการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดสะตีมศึกษาสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วารสารสหวิทยาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 5(2), 415-429.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2551). 36 ปี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. กรุงเทพมหานคร: สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2563). หลักสูตรเพิ่มศักยภาพครูให้มีสมรรถนะของครูยุคใหม่สำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพมหานคร: สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.

สริณทร แก้วเกลี้ยง. (2559). การศึกษาสมรรถนะทางวิทยาศาสตร์ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักร การเรียนรู้ 7 ขั้น. เรียกใช้เมื่อ 2 ธันวาคม 2566 จาก www.edu.ru.ac.th/images/edu_pdf/sari ntorn_26012559.pdf

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2560). นโยบายคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพมหานคร: อุษาการพิมพ์.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579. กรุงเทพมหานคร: พริกหวานกราฟฟิค.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2562). แนวทางการพัฒนาสมรรถนะนักเรียน ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พิมพ์ครั้งที่ 1) . กรุงเทพมหานคร: บริษัท21เซ็นจูรี่ จำกัด.

Cronbach, L. J. (1990). Essentials of psychological testing (5th ed.) . New York: Harper Collins Publishers.

Fives, H. et al. (2014). Developing a Measure of Scientific Literacy for Middle School Students. Science Education, 98 (4) , 549-580.

Kim. (2018). Development and Application of Art Based STEAM Education Program Using Educational Robot. International Journal of Mobile and Blended Learning (IJMBL) , 10(3), 46-57.

Kuder, R. 1993). Kuder – Richarson Method. Retrieved March 15, 2024, from http://www.wijai48.com/leriability/richardson.htm

Lederman, N.G. (2007) . Nature of science: Past, present, and future. In Handbook of research in science education (pp. 831-879) . Mahwah, New Jersey: Lawrence Erlbaum Publishers.

Likert, R. (1967) . The Method of Constructing and Attitude Scale. In Reading in Fishbeic, M (Ed.) , Attitude Theory and Measurement (pp. 90-95) . New York: Wiley & Son.

OECD. (2021) . Effective and Equitable Educational Recovery : 10 Principles. Paris: OECD Publishing. Retrieved March 15, 2024, from https://www. oecd.org/education/ten - principles - effective - equita ble - covid - recovery.htm