การท่องเที่ยวเชิงพุทธ: กรณีศึกษาภูมิทัศน์ พระวิปัสสนาจารย์ในพื้นที่อีสานตอนล่าง
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภูมิทัศน์พระวิปัสสนาจารย์ในพื้นที่อีสานตอนล่าง เพื่อศึกษาทรัพยากรทางพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้องกับพระวิปัสสนาจารย์และพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงพุทธที่สัมพันธ์กับภูมิทัศน์พระวิปัสสนาจารย์ในภาคอีสานตอนล่างเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกและใช้กลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง และแบบสุ่มตัวอย่าง ผลการวิจัยพบว่า จุดกำเนิดของพระวิปัสสนาจารย์ในภาคอีสาน คือจังหวัดอุบลราชธานี โดยการแพร่ขยายของธรรมยุติกนิกายจากส่วนกลาง (กรุงเทพฯ) ในยุคแรกมีการขยายตัวด้านศาสนบุคคลโดยการถือญัตติจากนิกายเดิม (มหานิกาย) เป็นธรรมยุตส่วนศาสนสถานนั้นมีทั้งสร้างขึ้นใหม่และปรับวัดในนิกายเดิมมาเป็นธรรมยุตทั้งภายในจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียง พระวิปัสสนาจารย์ที่มีความส�ำคัญและมีความโดดเด่น คือ พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต แต่ในพื้นที่อีสานตอนล่างพระอาจารย์เสาร์ ถือว่ามีบทบาทเด่นกว่าพระอาจารย์มั่น และพื้นที่อีสานตอนล่างอื่นๆที่มีการขยายตัวของพระวิปัสสนาจารย์ที่สำคัญคือ จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดสุรินทร์สำหรับทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกับพระวิปัสสนาจารย์ซึ่งมีความโดดเด่นในเชิงการท่องเที่ยวเชิงพุทธ สามารถจัดเป็นกลุ่มได้ 6 กลุ่ม คือ กลุ่มวัดสำคัญ กลุ่มพระเจดีย์ กลุ่มพิพิธภัณฑ์ กลุ่มพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ กลุ่มอัฐิธาตุ และกลุ่มศาสนธรรม ส่วนเส้นทางการท่องเที่ยวสามารถจัดแบ่งออกเป็น 3 เส้นทางหลัก คือ เส้นทางการท่องเที่ยวเชิงพุทธภายในจังหวัดอุบลราชธานี และเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดอีก 2 เส้นทาง ซึ่งสามารถจัดเป็นการท่องเที่ยวเชิงพุทธภายใต้ชื่อ “กลุ่มท่องเที่ยวเส้นทางอาจาริยบูชา”
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลที่ตีพิมพ์ลงในวารสารมนุษย์กับสังคม ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบโดยตรงของผู้เขียนซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารมนุษย์กับสังคม ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารมนุษย์กับสังคมก่อน
เอกสารอ้างอิง
กรมการท่องเที่ยว. (2558). แผนปฏิบัติการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพของประเทศพ.ศ. 2558-2560. [ออนไลน์]. ได้จาก: http://www.mots.go.th/ewt_dl_link.php?nid=7114. [สืบค้นเมื่อ วันที่ 23 ตุลาคม 2560].
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2558). นโยบายและยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว พ.ศ.2558-2560. [ออนไลน์]. ได้จาก: http://www.mots.go.th/ewt_dl_link.php?nid=7114. [สืบค้นเมื่อ วันที่ 22 ตุลาคม 2560].
ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. (2518). ตำนานพุทธเจดีย์. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: คุรุสภา.
ธรรมปิฏก, พระ, (ป.อ. ปยุตโต). (2538). พุทธธรรม. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
ธัมมธโรภิกขุ. (2554). ธรรมประวัติหลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ. กรุเทพมหานคร:มติชน.
ธีระพงษ์ มีไธสง. (2556). ฮดสรง ภูมิปัญญาพื้นบ้านพิธีเถราภิเษกพระสงฆ์ในภาคอีสาน.มหาสารคาม: ตักสิลาการพิมพ์.
มาโนช พรหมปัญโญ. (2556). แนวทางการเตรียมความพร้อมการท่องเที่ยวเชิงพุทธของจังหวัดอุบลราชธานี. [ออนไลน์]. ได้จาก: www.tourismtaat.siam.edu/images/magazine/m8b2/w4pdf. [สืบค้นเมื่อ วันที่ 23 ตุลาคม 2560].
ราชบัณฑิต. (2542). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 23542. กรุงเทพมหานคร:นานมีบุ๊คส์ จำกัด.
สุทิตย์ อาภากโร, พระมหา, (อบอุ่น). (2554). รูปแบบและเครือข่ายการเรียนรู้ของแหล่งท่องเที่ยวประเภทวัดในประเทศไทย. [ออนไลน์]. ได้จาก: Library.nhrc.or.th/ulib/searching.php. [สืบค้นเมื่อ วันที่ 23 ตุลาคม 2560].
Feilden, B. andJokilehto J. (1993). Management Guidelines for the World CulturlaHeritage Sites. Rome (Italy): ICCROM.
UNSCO. (2005). The World Heritage Convention. [Online]. Available from: http://whc.unesco.org/en/con vention/. [Accessed 23 October 2017].