มาตรฐานทางจริยธรรมในการตีพิมพ์เผยแพร่บทความ 

          วารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์ ได้ปรับประเด็นเพิ่มเติม จากแนวทางในการปฏิบัติและดำเนินการตามมาตรฐานจริยธรรม และแนวทางสำหรับการตีพิมพ์บทความที่ถูกเสนอไว้โดย Committee on Publication Ethics (COPE) (https://publicationethics.org)

 

1. มาตรฐานทางจริยธรรมของบรรณาธิการ

          1.1 ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียหรือผลประโยชน์ทับซ้อน (conflict of interest) กับผู้เขียน และผู้ประเมิน โดยเด็ดขาด เพื่อรักษาหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินงานอย่างเคร่งครัด เช่น การตีพิมพ์เผยแพร่บทความของตนเองมากอย่างมีนัยสำคัญ หรือไม่มีการตรวจสอบคุณภาพบทความก่อนการตีพิมพ์

          1.2. ไม่เลือกปฏิบัติ มีความโปร่งใส ปกป้องสิทธิของเจ้าของบทความ และพร้อมชี้แจ้งเปิดเผยถอดถอนบทความที่ผิดพลาดตามเกณฑ์มาตรฐานของวารสาร

          1.3 ปกป้องคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และข้อมูลความลับส่วนบุคคลที่จะกระทบสร้างความเสียหายต่อเจ้าของบทความ ซึ่งนอกเหลือจากเกณฑ์มาตรฐานเงื่อนไขของวารสารแล้ว ข้อมูลส่วนบุคคลต้องปกปิดเป็นความลับ

          1.4. ไม่ตีพิมพ์บทความที่ตีพิมพ์ซ้ำซ้อน 2 ครั้ง หรือ ละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่นในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ หรือ เนื้อหาซ้ำซ้อนในระบบ CopyCat เว็บ Thaijo  เกิน 25% บรรณาธิการต้องไม่ตีพิมพ์บทความที่เคยตีพิมพ์ในวารสารอื่นแล้ว   หากพบต้องหยุดการประเมิน และติดต่อผู้เขียนบทความหลักทันที เพื่อขอคำชี้แจงและประกอบการตัดสินใจ “ตอบรับ” หรือ “ปฏิเสธ” การตีพิมพ์บทความนั้นๆ

          1.5. กำกับติดตามดูแล กระบวนการ วิธีการขั้นตอนการดำเนินการหรือการประเมินคุณภาพของบทความในระบบ ให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานของศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (Thai Journal Citation Index Center,TCI)

          1.6. เมื่อเกิดปัญหากระทบต่อเจ้าของบทความ บรรณาธิการพร้อมเยียวยาช่วยเหลือ หรือร่วมปรึกษาหารือ เพื่อหาทางออกร่วมกันกับเจ้าของบทความ ไม่ทอดทิ้งหรือบ่ายเบี่ยงธุระปัดความรับผิดชอบ ควรแจ้งให้เจ้าของบทความรับทราบปัญหาและทางออกร่วมกัน   

          1.7. บรรณาธิการต้องสร้างความเชื่อมั่น ความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับคุณภาพของบทความที่ตีพิมพ์ มีการฝึกอบรมทีมงานวารสารให้เกิดความเชี่ยวชาญ  อบรมแนะนำบริการวิชาการด้านการเขียนบทความแก่ผู้สนใจ 

 

2. หน้าที่ของบรรณาธิการต่อเจ้าของบทความ

          2.1 ควบคุมดูแลและพิจารณาคุณภาพของบทความ  ความสอดคล้องของเนื้อหากับนโยบายของวารสารเป็นสำคัญ 

          2.2 ควบคุมมาตรฐานคุณภาพ ความถูกต้องของข้อมูล เนื้อหาวิชาการหรือองค์ความรู้ใหม่ๆ ตลอดถึงแหล่งสืบค้นอ้างอิงที่ชัดเจนของบทความ

          2.3 ปรับปรุงวารสารให้มีระบบ ขั้นตอนที่มีความทันสมัยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเอื้อต่อการบริการข้อมูล การสร้างความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับรูปแบบบทความ และการอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่ครบถ้วนถูกต้อง

          2.4 ตัดสินใจยอมรับหรือปฏิเสธบทความเพื่อการตีพิมพ์เผยแพร่ ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเนื้อหาด้านวิชาการ องค์ความรู้ใหม่ และความชัดเจนถูกต้องของรูปแบบบทความ ตลอดถึงขอบเขตของวารสาร

          2.5 ให้คำปรึกษาแนะนำ  ติดต่อประสานงาน  มีการชี้แจงหรือให้ข้อมูลรับทราบ เกี่ยวกับกระบวนการตรวจสอบประเมินบทความ (Peer Review) 

          2.6 บทความต้องผ่านการประเมินจากผู้ประเมินบทความแล้ว ทั้งผู้ทรงคุณวุฒิที่ประเมินไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับบทความ  

          2.7 กำกับติดตามให้เจ้าของบทความแก้ไขรูปแบบบทความให้ถูกต้อง และ ตรวจสอบการแก้ไขประเด็นเนื้อหาตามที่ผู้ประเมินแนะนำให้แก้ไขให้ครบถ้วน

          2.8 รับฟังเหตุผล ข้อจำกัดหรือปัญหาของเจ้าของบทความ ในการแก้ไขบทความตามผู้ประเมิน เพื่อให้ประเด็นครบถ้วนตามที่ทุกฝ่ายคาดหวัง และควรมีการปรับปรุงคำแนะนำให้ทันสมัยและชัดเจนอยู่เสมอ

          2.9 บรรณาธิการควรมีช่องทางให้ผู้แต่งได้อุทธรณ์ต่อผลการตัดสินใจของบรรณาธิการ หากผู้แต่งมีความคิดเห็นแตกต่างจากการตัดสินใจของบรรณาธิการ

          2.10 จัดพิมพ์เผยแพร่บทความให้ตรงตามรอบปักษ์ฉบับวารสาร ไม่กระทบสร้างความเสียหายต่อเจ้าของบทความ

          2.11 บรรณาธิการต้องไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้เขียน และผู้ประเมินบทความแก่บุคคลอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องในช่วงเวลาของการประเมินบทความ วารสารต้องปกปิดรายชื่อทั้งสองฝ่าย (Double blind peer-reviewed)  

          2.12 กำชับติดตามผู้ประเมิน ไม่เผยแพร่ ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับบทความ และ ผู้ประเมินต้องปกปิดรายชื่อหรือเนื้อหาของบทความ. ผู้ประเมินจะไม่เผยแพร่หรือตำหนิวิจารณ์ข้อมูลเป็นการส่วนตัวในพื้นที่สาธารณะ ยกเว้นวารสารมีการประเมินบทความแบบเปิดเวทีสาธารณะ ที่ได้แจ้งให้ผู้แต่งและผู้ประเมินรับทราบล่วงหน้าแล้ว

 

3. มาตรฐานทางจริยธรรมของผู้เขียนบทความ

          3.1 ต้องมีความรับผิดชอบและรับรองว่าบทความที่ส่งมาขอรับการตีพิมพ์ในวารสาร จะต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ในระหว่างการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อขอตีพิมพ์ในวารสารอื่น

          3.2 ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์รูปแบบการอ้างอิง แบบฟอร์มบทความวิชาการหรือบทความวิจัยอย่างเคร่งครัด ตามหลักเกณฑ์ของวารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์  

          3.3 ต้องแก้ไขบทความให้ถูกต้องตามรูปแบบของวารสาร และเงื่อนไขขั้นตอนที่ทางวารสารกำหนดไว้ใน หัวข้อ “คำแนะนำสำหรับผู้เขียน” เพื่อแนวทางการเขียนบทความที่มีรูปแบบการได้มาตรฐานเดียวกันทั้งหมด

          3.4 ต้องคำนึงถึงจริยธรรมการวิจัย กล่าวคือ ต้องไม่ละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง ทางวารสารได้กำหนดความซ้ำของผลงาน ด้วยโปรแกรม CopyCat ในระบบ Thaijo  โดยทางวารสารได้กำหนดค่าไว้ในระดับ ไม่เกิน 25%

          3.5 ผู้เขียนบทความที่มีชื่อปรากฏอยู่ในบทความ จะต้องระบุชื่อ นามสุกล สังกัดครบถ้วน และต้องเป็นผู้มีส่วนร่วมในการจัดทำบทความหรือมีส่วนร่วมในการดำเนินการวิจัยในบทความนั้น 

          3.6 ข้อความ เนื้อหา ผลงาน ภาพ หรือตารางที่ปรากฏในบทความ ให้ระบุ “ที่มา” เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ และถือเป็นผลงานหรือความรับผิดชอบของเจ้าของบทความทั้งหมด หากพบมีการฟ้องร้อง ร้องเรียนหรือมีเนื้อหาเผยแพร่ซ้ำซ้อนเกิดขึ้น  จะเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความแต่เพียงผู้เดียว ทางวารสารจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น   

          3.7 เจ้าของบทความต้องทำการแก้ไขรูปแบบบทความ และประเด็นตามคำแนะนำจากผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) หรือเจ้าหน้าที่วารสาร  หากภายหลังพบว่าท่านยังไม่ได้แก้ไขบทความให้สมบูรณ์ ทางวารสารขอสงวนสิทธิ์ระงับหรือเลื่อนลำดับคิวการเผยแพร่บทความออกไป  เพื่อขอให้ท่านได้ทำการแก้ไขบทความให้สมบูรณ์ก่อน  เป็นหน้าที่ของท่านที่จะต้องติดตามและสอบถามความก้าวหน้าบทความของท่านอย่างต่อเนื่อง    

 

4. มาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ประเมินบทความ (Peer Review)

          4.1 ผู้ประเมินไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆ กับเจ้าของผลงานบทความ ตนเองสงสัยอาจจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้เขียนบทความที่ทำให้ไม่สามารถให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะอย่างอิสระได้ ผู้ประเมินบทความควรแจ้งให้บรรณาธิการวารสารทราบ และปฏิเสธการประเมินบทความนั้น

          4.2 ผู้ประเมินไม่เผยแพร่  ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับบทความ และ ผู้ประเมินต้องปกปิดรายชื่อหรือเนื้อหาของบทความ ต้องรักษาความลับและไม่เปิดเผยข้อมูลของบทความที่ส่งมาเพื่อพิจารณาให้แก่บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องในช่วงระยะเวลาของการประเมินบทความ หลังจากที่พิจารณาประเมินบทความเสร็จแล้วก็จะไม่นำไปเผยแพร่หรือตำหนิวิจารณ์ข้อมูลเป็นการส่วนตัวในพื้นที่สาธารณะ  ยกเว้นวารสารนั้นมีการประเมินบทความแบบเปิดเวทีสาธารณะ ที่ได้แจ้งให้ผู้แต่งและผู้ประเมินรับทราบล่วงหน้าแล้ว

          4.3 ไม่อคติด้านวิชาการ ประเมินผลงานตามหลักวิชาการอย่างเข้มข้น ได้คุณภาพมาตรฐาน ต้องแนะนำความคิดเห็นทางวิชาการของตนเองด้วยความยุติธรรม ตรงไปตรงมาด้วยหลักวิชาการ ให้ความสำคัญต่อคุณภาพด้านวิชาการ ความถูกต้อง ความทันสมัย

          4.4  ผู้ประเมินบทความควรรับประเมินบทความที่ตนเองนั้นมีความถนัด หรือมีคุณวุฒิหรือมีความเชี่ยวชาญกับบทความที่ได้รับการประเมินนั้นๆ โดยพิจารณาความสำคัญของเนื้อหาในบทความ คุณภาพ การวิเคราะห์ และความเข้มข้นของผลงาน หากผู้เขียนบทความไม่ได้อ้างอิงแหล่งข้อมูลเข้าไปในบทความด้วย หรือบกพร่องสำนวนการเขียนด้านภาษา  ผู้ประเมินไม่ควรใช้อารมณ์หรือความคิดเห็นส่วนตัวมาเป็นเกณฑ์ในการตัดสินบทความ  

          4.5 หากผู้ประเมินบทความพบว่า มีส่วนใดส่วนหนึ่งของบทความมีความเหมือนกัน หรือซ้ำซ้อนกับผลงานชิ้นอื่นๆ ผู้ประเมินบทความต้องแจ้งให้บรรณาธิการทราบ พร้อมแสดงหลักฐานให้เห็นเป็นประจักษ์