การส่งบทความ
ข้อกำหนดการส่งบทความ
ในขั้นตอนการส่งบทความ ผู้แต่งต้องตรวจสอบและยืนยันว่าปฏิบัติตามข้อกำหนดการส่งบทความทุกข้อ บทความที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดอาจถูกส่งคืนให้ผู้แต่งดำเนินการแก้ไข
- บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ ต้องไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ที่ใดมาก่อน และต้องไม่อยู่ในกระบวนการพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารหรือสิ่งตีพิมพ์อื่นใด มีความน่าสนใจและมีความทันสมัย
- เจ้าของบทความต้องยึดรูปแบบบทความของทางวารสารโดยเคร่งครัด เช่น ชื่อเรื่อง ชื่อ-นามสกุลผู้แต่ง สังกัดหน่วยงาน บทคัดย่อ คำสำคัญ บทนำ องค์ความรู้ใหม่ ทั้งภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ เป็นต้น และ แนบสลิปค่าลงทะเบียนบทความไว้ในระบบกล่องข้อความเป็นหลักฐาน พร้อมระบุข้อมูลเบอร์โทรที่สามารถติดต่อได้สะดวก
-
การพิจารณาตรวจสอบเพื่อการตอบรับหรือปฏิเสธยกเลิกบทความ เป็นหน้าที่หรือสิทธิ์เด็ดขาดของกองบรรณาธิการวารสารฯ
ทั้งนี้ หากพบความไม่สมบูรณ์ของบทความในขั้นตอนการแก้ไข (Revision) การเผยแพร่ (Production) ทางวารสารขอสงวนสิทธิ์ระงับหรือเลื่อนลำดับคิวการเผยแพร่บทความ เพื่อขอให้ท่านได้ทำการแก้ไขบทความให้สมบูรณ์ โดยจะแจ้งเป็นข้อความไว้ในกล้องข้อความในระบบวารสารเท่านั้น ซึ่งท่านจะต้องติดตามอ่านข้อมูล และสอบถามความก้าวหน้าบทความของท่านอย่างต่อเนื่อง เมื่อบทความได้รับการแก้ไขสมบูรณ์แล้วจึงจะได้เผยแพร่ปรากฎสถานะออนไลน์เป็น “Published” ในระบบ Thai Journals Online (ThaiJO)
คำแนะนำผู้แต่ง
คำแนะนำสำหรับผู้เขียน
1. คำแนะนำสำหรับผู้เขียน
บทความที่ส่งมาขอรับการตีพิมพ์ในวารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์ จะต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น ผู้เขียนบทความจะต้องยินยอมและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ รูปแบบ ขั้นตอนการดำเนินการเกี่ยวกับบทความวิจัย บทความวิชาการ และบทวิจารณ์หนังสือของวารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์อย่างเคร่งครัด ทั้งระบบการอ้างอิงแทรกในเนื้อหา และรูปแบบอ้างอิงใน บรรณานุกรม โดยหลักทั่วไปเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของวารสารฯ ใน รูปแบบของ APA 6th edition
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความแต่เพียงผู้เดียว และไม่ถือเป็นทัศนะหรือความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์ รวมทั้งผู้เขียนจะต้องคำนึงถึงจริยธรรมการวิจัย ไม่ละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง ซึ่งทางวารสารได้กำหนดความซ้ำซ้อนของผลงาน ด้วยโปรแกรม CopyCatch ในระบบเว็บไซต์ของ ThaiJO ไม่เกิน 25%
ถ้าบทความมีความซ้ำซ้อนในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ หรือเคยตีพิมพ์เผยแพร่บทความมาก่อนแล้ว หรือกองบรรณาธิการหรือผู้ทรงคุณวุฒิผู้ตรวจประเมินบทความมีความเห็นปฏิเสธหรือระงับการเผยแพร่ อีกทั้งในกรณีพบบทความไม่สมบูรณ์ในขั้นตอนตรวจรูปแบบ การแก้ไขหรือเผยแพร่ (Production) ทางวารสารขอสงวนสิทธิ์ระงับหรือเลื่อนลำดับคิวการเผยแพร่บทความออกไป แม้จะออกหนังสือรับรองแล้วก็ตาม เพื่อขอให้ท่านได้ทำการแก้ไขบทความให้สมบูรณ์ก่อนจึงจะทำการเผยแพร่บทความ
®®®®®®®®®®®®®®®®®®®
2. เงื่อนไขหลักสำคัญของวารสาร
1. เป็นหน้าที่ของผู้เขียน จะต้องศึกษารูปแบบและตรวจสอบการเขียนบทความให้ตรงตามรูปแบบของวารสาร
2. แนบไฟล์ Word บทความ (Microsoft Word) เข้าสู่ระบบ ออนไลน์ที่ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/ jmb/index พร้อมแจ้งติดต่อประสานงานไปที่ ผู้ช่วยบรรณาธิการ พระมหาดวงเด่น ฐิตญาโณ, ผศ.ดร. 092-556-4635 พระจาตุรงค์ อาจารสุโภ, ดร. 092-7391-727 และ พระมหาอนันต์ สุรเตโช โทร. 096-790-7373 ทั้งนี้ผู้เขียนต้องระบุต้นสังกัด และเบอร์โทรศัพท์ ที่ติดต่อได้โดยตรงไว้ในกล่องโต้ตอบ หรือ Discussion Box
3. บทความต้องผ่านการตรวจรูปแบบ จากกองบรรณาธิการและผู้เขียนต้องปรับแก้ไขรูปแบบให้สมบูรณ์และถูกต้องตามคำแนะนำของกองบรรณาธิการ
4. ต้องเรียงลำดับหัวข้อ เนื้อหาและองค์ประกอบของบทความครบถ้วน เพื่อให้กองบรรณาธิการส่งให้ผู้ทรงคุณวุฒิตรวจพิจารณาประเมินบทความได้รวดเร็วมากขึ้น
5. ค่าธรรมเนียมบทความ เมื่อบทความผ่านการอนุมัติจากกองบรรณาธิการแล้ว ผู้เขียนต้องทำการโอนเงินค่าธรรมเนียมบทความ 4,000 บาท เพื่อขอการตรวจประเมิน โดยใช้ผู้ทรงคุณวุฒิตรวจพิจารณาประเมินบทความ 3 ท่าน
ชื่อบัญชี : วารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์
ธนาคาร : ธนาคารกรุงไทย
เลขบัญชี : 660-9-65053-5
พร้อมแนบสลิปหลักฐานไว้ในกล่องโต้ตอบ หรือ Discussion Box
หมายเหตุ : เฉพาะในบางกรณีกองบรรณาธิการตรวจพบว่าบทคัดย่อภาษาอังกฤษ (Abstract) ไม่สมบูรณ์เป็นอย่างมาก ทางวารสารจะจ้างผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษาอังกฤษตรวจและปรับแก้ไข และจะแจ้งเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มจากท่านสำหรับเป็นค่าดำเนินการให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจและแก้ไข Abstract ให้ใหม่ จำนวนไม่เกิน 300 บาท
ทั้งนี้ วารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์ ไม่มีนโยบายในการเก็บเงินค่าธรรมเนียมเกินที่กำหนดไว้ข้างต้น โปรดระวังมีบุคคลแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัว หรือเรียกเก็บเงินเพิ่ม ซึ่งทางวารสารไม่เคยมอบหมายให้ใครทำหน้าที่ดำเนินการแทนวารสาร นอกเหนือจากเจ้าหน้าที่ 3 ท่าน คือ พระมหาดวงเด่น ฐิตญาโณ, ผศ.ดร. 092-556-4635 พระจาตุรงค์ อาจารสุโภ, ดร. 092-7391-727 และ พระมหาอนันต์ สุรเตโช : 096-790-7373
6. บทความต้องผ่านการประเมิน จากผู้ทรงคุณวุฒิผู้ประเมินบทความ 3 ท่าน บทความแต่ละบทความจะได้รับพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิตรวจอ่านกลั่นกรองบทความ (Peer Review) 3 ท่าน ที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องจากหลากหลายสถาบันและมิใช่สังกัดเดียวกับผู้นิพนธ์บทความ ทั้งนี้การพิจารณาบทความ ผู้พิจารณาบทความจะไม่ทราบชื่อหรือข้อมูลของผู้เขียนบทความ และผู้เขียนบทความก็จะไม่ทราบชื่อผู้พิจารณาบทความ (Double - blind Peer Review) และการพิจารณาของกองบรรณาธิการถือเป็นที่สิ้นสุด ในกรณีที่บทความของท่านไม่ผ่านการประเมินและพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิและกองบรรณาธิการ วารสารขอสงวนสิทธิ์ในการไม่รับเผยแพร่บทความและไม่คืนเงินโดยประการทั้งปวง
7. ยินยอมที่จะรับผลการประเมิน วารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์ เมื่อได้ผ่านการประเมินคุณภาพจากศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI) โดยได้รับการจัดให้อยู่ในวารสารกลุ่มใดๆ ก็ตาม ผู้เขียนยินยอมที่จะรับผลการประเมินนั้นโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
8. ต้องไฮไลท์ตัวอักษรสีแดง เนื้อหาบทความที่แก้ไขตามผู้ประเมิน เพื่อให้กองบรรณาธิการได้เช็คตรวจสอบว่าท่านได้แก้ไขจริงๆ และหากท่านไม่ไฮไลท์ตัวอักษรสีแดง ทางวารสารจะถือว่าท่านไม่ได้แก้ไขบทความตามผู้ประเมินแนะนำ และส่งไฟล์ (Microsoft word) บทความที่แก้ไขสมบูรณ์แล้วแนบเข้ามาในระบบ โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน หลังจากวารสารได้ส่งผลประเมินให้ผู้เขียนทราบ
9. ยกเลิกใบตอบรับตีพิมพ์บทความ แม้บทความที่ผ่านการอนุมัติแล้ว ภายหลังพบว่า ไม่สามารถติดต่อผู้เขียนบทความได้ และผู้เขียนไม่ยอมแก้ไขบทความให้สมบูรณ์ หรือแก้ไขบทความล่าช้าไม่ตรงตามระยะเวลาที่กำหนด ทางวารสารขอสงวนสิทธิ์ที่จะปฏิเสธไม่รับตีพิมพ์บทความ และขอยกเลิกใบตอบรับตีพิมพ์บทความ โดยวารสารจะแจ้งผ่านทางอีเมล์ในระบบที่ผู้เขียนได้ลงทะเบียนไว้แล้วเท่านั้น
10. การจัดเลื่อนลำดับคิวบทความ เพื่อเผยแพร่บทความในแต่ละฉบับ เป็นอำนาจและสิทธิ์ในการตัดสินใจของกองบรรณาธิการ โดยไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าของบทความ ถ้าหากพบว่าบทความและกระบวนการการส่งบทความในระบบไม่สมบูรณ์
11. การรายงานความก้าวหน้า เกี่ยวกับบทความเป็นความรับผิดชอบของเจ้าของบทความที่ต้องติดตามสอบถามอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้กองบรรณาธิการ จะแจ้งให้ท่านทราบในระบบของวารสารเป็นหลักเท่านั้น
®®®®®®®®®®®®®®®®®®®
3. ช่องทางส่งบทความเข้าระบบThaiJO
เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก การส่งในระบบ (Online Submission) สามารถส่งเข้าระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของวารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์ ได้ที่ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jmb/index เมื่อส่งเข้าระบบสำเร็จให้แจ้งข้อมูลให้กองบรรณาธิการรับทราบที่
1. พระมหาดวงเด่น ฐิตญาโณ, ผศ.ดร. ผู้ช่วยบรรณาธิการ โทร/Line : 092-5564-635, E-mail: Duangden.tun@mcu.ac.th
2. พระจาตุรงค์ อาจารสุโภ, ผศ.ดร. ผู้ช่วยบรรณาธิการ โทร 092-7391-727, E-mail: rong2553@yahoo.com
3. พระมหาอนันต์ สุรเตโช : ผู้ช่วยบรรณาธิการ, โทร. 096-790-7373, E-mail: anansuratecho@gmail.com
®®®®®®®®®®®®®®®®®®®
4. รูปแบบบทความ
1. Microsoft Word ต้นฉบับบทความต้องเป็นไฟล์เวิร์ด (Microsoft Word) เท่านั้น
2. THSarabun New กระดาษ A4 มีความยาวระหว่าง 10-15 หน้า (รวมหน้า บรรณานุกรม) พิมพ์บนกระดาษหน้าเดียว 1 คอลัมน์ ใช้ตัวอักษรแบบ THSarabun New (ขนาดอักษร 16 pt.) ระยะห่างบรรทัดหนึ่งต่อหนึ่ง (ไม่ถ่างบรรทัด)
3. Time New Roman เฉพาะบทความภาษาอังกฤษ ทั้งหมดใช้แบบอักษร Time New Roman, ชื่อเรื่อง ขนาด 14 pt. เนื้อหาทั้งหมด ขนาด 12 pt. นอกนั้นใช้รูปแบบเหมือนกับบทความภาคภาษาไทย
4. ขอบกระดาษ ตั้งค่าหน้ากระดาษโดยเว้นขอบกระดาษ ขอบบน - ล่าง ขอบขวา - ซ้าย เท่ากันทุกด้าน ด้านละ 1 นิ้ว กำหนดระยะห่างระหว่างบรรทัดเท่ากับ 1 และย่อหน้า 7 เคาะ
5. รูปภาพและตาราง การนำเสนอรูปภาพและตาราง ต้องนำเสนอรูปภาพและตารางที่มีความคมชัดพร้อมระบุหมายเลขและชื่อกำกับใต้รูปภาพไว้ด้านล่าง พิมพ์เป็นตัวหนา เช่น ตารางที่ 1 หรือ Table 1 และ รูปภาพที่ 1 หรือ Figure 1 โมเดลที่ 1 หรือ Model 1 รูปภาพที่นำเสนอต้องมีคำอธิบายรายละเอียดของข้อมูลครบถ้วนและเข้าใจได้โดยไม่จำเป็นต้องกลับไปอ่านที่เนื้อความอีก ระบุเลขลำดับของรูปภาพทุกรูปให้สอดคล้องกับเนื้อหาที่อยู่ในต้นฉบับ โดยคำอธิบายต้องกระชับและสอดคล้องกับรูปภาพที่นำเสนอ
6. ชื่อเรื่อง ต้องมีภาษาไทย (20 pt.) และภาษาอังกฤษ (18 pt.) ตรงกลางหน้ากระดาษ
7. ชื่อผู้เขียน ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (16 pt.) ไม่ต้องระบุตำแหน่งทางวิชาการ คำนำหน้า นาย/นาง/นางสาว/คุณ/ยศตำแหน่ง (ยกเว้นกรณีชื่อสมณศักดิ์พระภิกษุ และต้องระบุ(ชื่อ-นามสกุล) พิมพ์ด้วยตัวอักษรปกติอยู่ใต้ชื่อเรื่องโดยชิดขอบขวา และใช้ตัวเลขยกกำกับหน้าชื่อผู้เขียนและแสดงชื่อหน่วยงาน ระบุหมายเลขยกกำกับหน้าชื่อ 1 2 3 ตามลำดับ
8. บทคัดย่อ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (18 pt. ตัวหนา) ไม่เกิน 400 คำต่อบทคัดย่อ
9. คำสำคัญ (Keywords) (16 pt. ตัวหนา) จากชื่อบทความ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (3 - 4 คำ)
10. เรียงหัวข้อประเด็น หัวข้อใหญ่สุด (18 pt. ตัวหนา) ให้พิมพ์ชิดขอบด้านซ้าย หัวข้อย่อย (16 pt. ตัวหนา) เว้นห่างจากหัวข้อใหญ่ 7 เคาะ พิมพ์ตัวอักษรที่ 8 ต้องพิมพ์ให้ตรงกัน เนื้อหาถ้ามีเว้นช่องไฟให้เคาะห่างช่องไฟ 1-2 เคาะ
11. ตัวเลข ตลอดทั้งบทความต้องใช้ตัวเลขอารบิกทั้งหมด ไม่ใช้ตัวเลขไทย
12. อ้างอิง ต้องแทรกแหล่งข้อมูลในเนื้อหา ภาษาไทยระบุ (ชื่อ-นามสกุล, พ.ศ.) ภาษาอังกฤษระบุเพียง (นามสุกล, ค.ศ.) สำหรับในบรรณานุกรมท้ายบทความภาษาอังกฤษให้ระบุ (นามสกุล, อักษรชื่อย่อ. ค.ศ.) (เฉพาะบทความวิจัยควรมีการอ้างอิง 8 อ้างอิงขึ้นไป)
13. ส่งบทความ ผ่านระบบออนไลน์ได้ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jmb/index
®®®®®®®®®®®®®®®®®®®
1. ชื่อเรื่องภาษาไทย (20 pt.) ภาษาอังกฤษ (18 pt.)
2. ชื่อผู้เขียนและผู้ร่วมเขียนบทความ (ภาษาไทย 16 pt.)
- ระบุเลขยกตามลำดับชื่อผู้เขียนแต่ละท่าน
- ผู้เขียนที่เป็นนิสิต ให้ใส่ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วมด้วย
3. คณะ, สถาบัน (ภาษาไทย 14 pt.) ไม่ต้องหนา
- คณะหรือสถาบัน ระบุเลขยกตามลำดับชื่อผู้เขียนแต่ละท่าน
4. Faculty, Institute. (อังกฤษ 14 pt.) ไม่ต้องหนา
5. Corresponding Author’s Email: (อีเมลผู้ติดต่อประสานบทความ 14 pt. ควรเป็นของคนวิจัยหลัก)
6. บทคัดย่อ (หัวเรื่อง 18 pt., เนื้อความ 16 pt., 400 คำ, ระบุวัตถุประสงค์วิจัย ประเภทงานวิจัย กลุ่มประชากร พื้นที่การวิเคราะห์ข้อมูล (สถิติ, เชิงพรรณนา) และผลการวิจัยตามลำดับของวัตถุประสงค์)
7. คำสำคัญ (16 pt.) (3 – 4 คำ ตามชื่อของบทความ คั่นด้วยเครื่องหมาย Semicolon ;)
8. Abstract (18 pt., เนื้อความ 16 pt.) (แปลรักษารูปคำและประโยคให้ตรงกับภาษาไทย ไม่แปลสรุปย่อ ไม่แปลจับประเด็น ไม่แปบขยายความ ใส่ตัวเลขข้อย่อหน้า วรรคตอน ลำดับหัวข้อหลัก หัวข้อรอง ให้ตรงกับภาษาไทย)
9. Keywords (16 pt.) (3 – 4 คำ ตรงตามภาษาไทย)
10. บทนำ (18 pt., เนื้อความ 16 pt.) แบ่งเป็นสี่ย่อหน้า ดังนี้
- ความเป็นมา บริบท สภาพปัญหาของประเด็นที่ศึกษา (อ้างอิง)
- หลักการ แนวคิด ทฤษฎี เชิงวิชาการ แนวทางปฏิบัติ กฎเกณฑ์ มาตรฐานการแก้ไขปัญหาหรือการส่งเสริมพัฒนา (อ้างอิง)
- กรณีศึกษา/บริบทตัวอย่าง/พื้นที่วิจัย/สภาพปัญหา/ลักษณะกลุ่มเป้าหมาย/ปัญหา ความสำคัญ ความจำเป็น ความต้องการอะไร (อ้างอิง)
- แรงจูงใจที่อยากจะศึกษา (เหตุผล ความต้องการ ความจำเป็น ความสำคัญ ความคาดหวัง คุณค่า ประโยชน์ ที่หวังจะได้รับจากการศึกษาเรื่องนี้ อธิบายเชื่อมโยงครอบคลุมประเด็นทั้ง 3 วัตถุประสงค์การวิจัย
11. วัตถุประสงค์ของการวิจัย (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
1. เพื่อ..................................................
2. เพื่อ.................................................
3. เพื่อ.................................................
12. วิธีดำเนินการวิจัย (18 pt., เนื้อความ 16 pt.) (จำนวนขั้นตอนปรับเปลี่ยนตามลักษณะงานวิจัยจริง)
ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาด้านเนื้อหา/เอกสาร/แนวคิดทฤษฎี/กฎระเบียบ (Documentary Study)
ขั้นตอนที่ 2 การศึกษาในภาคสนาม/พื้นที่กรณีศึกษา (Field Study)
ขั้นตอนที่ 3 ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ/กลุ่มประเภทประชากร (Key Informant)
ขั้นตอนที่ 4 เครื่องมือและวิธีการที่ใช้ในการวิจัย
1) การสัมภาษณ์/แบบสอบถาม/สำรวจ/สังเกตุ (In–depth Interviews)
2) การจัดประชุมกลุ่มย่อย/สานเสวนา/ประชาพิจารณ์ (Focus group)
3) ศึกษาและติดตามผลการปฏิบัติ/ทดลอง/ฝึกอบรม (R&D)
ขั้นตอนที่ 5 การรวบรวมข้อมูล/การตรวจสอบข้อมูล/บันทึก/ถอดเทป/ภาพ/วิดิโอ
ขั้นตอนที่ 6 การวิเคราะห์ข้อมูล/จัดกลุ่ม/หมวดหมู่/เปรียบเทียบ/จัดระบบ/เรียงลำดับชื่อมโยง
ขั้นตอนที่ 7 สรุปผลการศึกษาวิจัยแบบไหน และ รูปแบบการนำเสนอผลการศึกษาวิจัย (Presentation of the Research Results)
13. ผลการวิจัย (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
วัตถุประสงค์ที่ 1 ผลการวิจัยพบว่า......................................... ..(อ้างอิงแหล่งข้อมูลสำคัญ ถ้ามี)
วัตถุประสงค์ที่ 2 ผลการวิจัยพบว่า.......................................... ..(อ้างอิงแหล่งข้อมูลสำคัญ ถ้ามี)
วัตถุประสงค์ที่ 3 ผลการวิจัยพบว่า.............................................(อ้างอิงแหล่งข้อมูลสำคัญ ถ้ามี)
14. อภิปรายผลการวิจัย (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
เสนอเป็นความเรียง ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยง ความสอดคล้อง ความเหมือน ความแตกต่างกับกรอบแนวคิดทฤษฎี งานวิจัยอื่นๆในอดีตที่ผ่านมาอย่างไร
1. พบว่า................. สอดคล้องกับแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยของ..................................................... (อ้างอิง)
2. พบว่า.................. สอดคล้องกับแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยของ..................................................... (อ้างอิง)
3. พบว่า................... สอดคล้องกับแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยของ..................................................... (อ้างอิง)
15. องค์ความรู้ใหม่ (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
องค์ความรู้ใหม่ (องค์ความรู้จากผู้วิจัย ที่ไม่ซ้ำกับผลการวิจัยในวัตถุประสงค์ 1-2-3) คือ ผู้วิจัยนำเสอนผ่านการสังเคราะห์ออกมาในรูปแบบของแผนภูมิ แผนภาพ หรือ ผังมโนทัศน์ หรือโมเดล หรือเป็นหลักการ แนวทางนวัตกรรมจากผู้วิจัย อธิบายเชิงกระบวนการ ขั้นตอน วิธีการ คุณค่าประโยชน์ รูปแบบแนวทางการนำไปใช้ปฏิบัติที่จะก่อให้เกิดการแนวทางขั้นตอนปฏิบัติช่วยแก้ไขปัญหา หรือ ก่อเกิดขั้นตอนส่งเสริม/พัฒนา/ปรับเปลี่ยน...ทั้งมีต้องมีคำอธิบายครอบคลุมทุกหัวข้อประเด็น ไม่ใช่มีแต่หัวข้อหรือโมเดล)
16. สรุป (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
สรุปโดยภาพรวมของเนื้อหา ครอบคลุมประเด็นผลการวิจัย เป็นความเรียง ไม่ใส่เลขเป็นข้อมาตรา ไม่เอียง ไม่หนา ไม่แทรกภาพโมเดล ไม่ต้องแทรกอ้างอิง ให้เขียนเป็นการประมวลด้วยภาษา ความเข้าใจและความความเห็นของผู้วิจัยเอง สะท้อนคุณค่า ประโยชน์ โน้มน้าวให้คนอื่นนำแนวคิด นำไปใช้ปฏิบัติ หรือเสนอแนะให้นำไปศึกษาวิจัยต่อยอด เพื่อแก้ไขปัญหาหรือพัฒนาให้เกิดประโยชน์ เป็นการเขียนประมวลด้วยภาษาของผู้วิจัยเอง
17) ข้อเสนอแนะ (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
จากผลการวิจัย ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้
1. ข้อเสนอแนะจากการวิจัย (เพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ ใคร หน่วยงานใด อย่างไร)
ผลจากการวิจัยพบว่า ............................................................ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง...........................
ควรนำไปใช้ดำเนินการ ดังนี้ ..............................................................................................................................
2. ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป (เนื้อหาประเด็นต้องเกี่ยวเนื่องต่อยอดจากบทความนี้)
สำหรับประเด็นในการวิจัยครั้งต่อไปควรทำวิจัยในประเด็นเกี่ยวกับ
2.1. ............................................................................................................................
2.2. ............................................................................................................................
2.3. ............................................................................................................................
18) บรรณานุกรม (18 pt., เนื้อความ 16 pt.) ดูแบบฟอร์มรูปแบบอ้างอิง
เฉพาะบทความวิจัยควรมีการอ้างอิง 8-12 อ้างอิงขึ้นไป แหล่งข้อมูลอ้างอิง ที่ปรากฏในเนื้อหาบทความทั้งหมด จะต้องนำมาเขียนเป็นรายการอ้างอิงในบรรณานุกรมให้ครบถ้วนสมบูรณ์ทุกๆ อ้างอิง ตามรูปแบบอ้างอิงของวารสาร และเรียงลำดับตามตัวอักษร ก-ฮ, A-Z (ห้ามอ้างอิงใน บรรณานุกรม โดยที่ไม่ปรากฏการอ้างอิงในเนื้อหาบทความ) และเมื่อรวมทุกหน้าแล้วจะต้องไม่เกินจำนวน 15 หน้ากระดาษ
®®®®®®®®®®®®®®®®®®®
4.2 บทความวิชาการ
1. ชื่อเรื่องภาษาไทย (20 pt.) ภาษาอังกฤษ (18 pt.)
2. ชื่อผู้เขียนและผู้ร่วมเขียนบทความ (ภาษาไทย 16 pt.)
- ผู้เขียนระบุเลขยกหน้าชื่อผู้เขียนแต่ละท่าน
3. คณะ, สถาบัน (ภาษาไทย 14 pt.) ไม่ต้องหนา
- (คณะหรือสถาบัน ระบุเลขยกตามลำดับชื่อผู้เขียน)
4. Faculty, Institute. (อังกฤษ 14 pt.) ไม่ต้องหนา
5. Corresponding Author’s Email: (อีเมลผู้ติดต่อประสานบทความ 14 pt. ควรเป็นของคนวิจัยหลัก)
6. บทคัดย่อ (หัวเรื่อง 18 pt., เนื้อความ 16 pt., 400 คำ)
(นำเสนอข้อค้นพบ ประเด็นปัญหา หลักการ แนวคิด ทฤษฎี แนวทาง วิถีปฏิบัติในเชิงวิชาการ นำเสนอมุมมอง ทัศนะ ที่สะท้อนทางออก ทางเลือก องค์ความรู้ใหม่ โดยเขียนให้กระชับ จัดลำดับหมวดหมู่ แยกข้อ แยกประเด็น ให้เห็นชัดเจน)
7. คำสำคัญ (16 pt.) (3 – 4 คำ ตามชื่อของบทความ คั่นด้วยเครื่องหมาย Semicolon ;)
8. Abstract (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
- แปลรักษารูปคำและประโยคให้ตรงกับภาษาไทย ไม่แปลสรุปย่อ ไม่แปลจับประเด็น ไม่แปบขยายความ ใส่ตัวเลขข้อย่อหน้า วรรคตอน ลำดับหัวข้อหลัก หัวข้อรอง ให้ตรงกับภาษาไทย
9. Keywords (16 pt.) (3 – 4 คำ ตรงตามภาษาไทย)
10. บทนำ (18 pt., เนื้อความ 16 pt.) สามหรือสี่ย่อหน้า ดังนี้
- ความเป็นมา บริบท สภาพปัญหาของประเด็นที่ศึกษา ลักษณะกลุ่มเป้าหมาย/ปัญหา ความสำคัญ ความจำเป็น ความต้องการอะไร (อ้างอิง)
- หลักการ แนวคิด ทฤษฎี เชิงวิชาการ แนวทางปฏิบัติ กฎเกณฑ์ มาตรฐานการแก้ไขปัญหาหรือการส่งเสริมพัฒนา (อ้างอิง)
- แรงจูงใจที่อยากจะศึกษา (ความต้องการ ความจำเป็น ความสำคัญ ความคาดหวัง คุณค่า ประโยชน์ ที่หวังจะได้รับจากการศึกษาเรื่องนี้ อธิบายเชื่อมโยงครอบคลุมประเด็นที่จะนำเสนอเชิงวิชาการ
11. เนื้อเรื่อง (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
- บริบทความเป็นมา ประเด็นปัญหา แสดงสาระสำคัญภายใต้กรอบแนวคิดในเชิงวิชาการ
- ลำดับแยกประเภท หมวดหมู่ ความสำคัญมาก ความสำคัญน้อย ประเด็นหลัก ประเด็นรอง โดยใส่ลำดับเลขข้อ ย่อหน้า วรรคตอน ให้เข้าใจได้ง่ายและชัดเจน (อ้างอิง)
- วิเคราะห์ สังเคราะห์ เปรียบเทียบ นำเสนอหลักการ แนวคิด ทฤษฎี แนวทางปฏิบัติ ที่สะท้อนมุมมองเชิงวิพากษ์
12. องค์ความรู้ใหม่ (18 pt., เนื้อความ 16 pt.) (เป็นรายการใหม่ เริ่มใช้หัวข้อนี้ ในปักษ์ที่ 2 ปี 2567 เป็นต้นไป)
- องค์ความรู้ใหม่ / ข้อค้นพบใหม่จากมุมมองของผู้ศึกษา สะท้อนมุมมอง นำเสนอหลักการ แนวคิด ทฤษฎี แนวทางปฏิบัติ อย่างเป็นหมวดหมู่ เป็นระบบ เป็นขั้นตอน กระบวนการ
- สะท้อนคุณค่า ประโยชน์ รูปแบบแนวทางการนำไปใช้ปฏิบัติ ชุดแนวคิดก่อให้เกิดการแนวทางขั้นตอนปฏิบัติช่วยแก้ไขปัญหา หรือ ก่อเกิดขั้นตอนส่งเสริม/พัฒนา/ปรับเปลี่ยน...กำหนดประเด็นและต้องมีคำอธิบายที่เข้าใจได้ง่ายเพื่อเป็นทางเลือกหรือทางออกสำหรับการแก้ไขปัญหาหรือการส่งเสริมพัฒนา โดยสอดคล้องกับหลักวิชาการ (อ้างอิง)
13. สรุป (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
สรุปโดยภาพรวมของเนื้อหา สรุปครอบคลุมประเด็นผลการศึกษา เป็นความเรียงย่อๆ ไม่ใช่พื้นที่อธิบายพรรณนาแจกแจงเนื้อหาหรือตารางผลการศึกษา ไม่ใส่เลขเป็นข้อมาตรา ไม่เอียง ไม่หนา ไม่แทรกภาพโมเดล (ไม่ต้องแทรกอ้างอิง) ให้เขียนเป็นการประมวลด้วยภาษา ความเข้าใจและความความเห็นของผู้ศึกษาเอง สะท้อนคุณค่า ประโยชน์ โน้มน้าวให้คนอื่นนำแนวคิด นำไปใช้ปฏิบัติ หรือเสนอแนะให้นำไปศึกษาวิจัยต่อยอด เพื่อแก้ไขปัญหาหรือพัฒนาให้เกิดประโยชน์
14. บรรณานุกรม (18 pt., เนื้อความ 16 pt.) ดูแบบฟอร์มรูปแบบอ้างอิง
แหล่งข้อมูลอ้างอิงที่ปรากฏในเนื้อหาบทความทั้งหมด จะต้องนำมาเขียนเป็นรายการอ้างอิงในบรรณานุกรมให้ครบถ้วนสมบูรณ์ทุกๆ อ้างอิง ตามรูปแบบอ้างอิงของวารสาร และเรียงลำดับตามตัวอักษร ก-ฮ, A-Z (ห้ามอ้างอิงใน บรรณานุกรมโดยที่ไม่ปรากฏการอ้างอิงในเนื้อหาบทความ) และเมื่อรวมทุกหน้าแล้วจะต้องไม่เกินจำนวน 9-15 หน้ากระดาษ
®®®®®®®®®®®®®®®®®®®
4.3 บทวิจารณ์หนังสือ
1. ชื่อเรื่องภาษาไทย (20 pt.) ภาษาอังกฤษ (18 pt.)
2. ชื่อผู้เขียน (ภาษาไทย 16 pt.) ภาษาอังกฤษ (16 pt.)
3. คณะ, สถาบัน (ภาษาไทย 14 pt.) ไม่ต้องหนา
4. Faculty, Institute. (อังกฤษ 14 pt.) ไม่ต้องหนา
5. Corresponding Author’s Email: (อีเมลผู้ติดต่อประสานบทความ 14 pt.)
ข้อมูลส่วนประกอบของหนังสือที่วิจารณ์ ดังนี้ (ฟอนต์ 16 pt. ไม่หนา)
ภาพปกหนังสือ
แปลจากหนังสือ: ………………………………………………
ผู้เขียน: ……………………………………………………........
ผู้แปล: ……………………………………………………........
สํานักพิมพ์: ……………………………………………….............
ปีที่พิมพ์: ………………………………………………….........
จํานวนหน้า: ……………………………………………..........
6. บทนำ (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
- บริบท ความเป็นมา ของหนังสือหรือประเด็นที่ศึกษา
- องค์ประกอบของหนังสือหรือประเด็นที่ศึกษา
- บท หมวดหมู่ ลักษณะ ชนิด ประเภท วัตถุประสงค์ คุณค่า ประโยชน์ สาระสำคัญ ฯลฯ
7. เนื้อหา (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
- รายละเอียดเนื้อหา องค์ประกอบ ประเด็นเนื้อหา หมวดหมู่ ลักษณะ ชนิด ประเภท
- ข้อค้นพบ ข้อเสนอ หลักการ แนวทาง กระบวนการ วิธีการ ขั้นตอน ฯลฯ
8. บทวิจารณ์ (18 pt., เนื้อความ 16 pt.) (มุมมองผู้วิจารณ์แยกประเด็น, จัดหมวดหมู่ ใส่เลขข้อ ย่อหน้าให้เห็นชัดเจน)
- นำเสนอสาระสำคัญ หลักการ แนวคิด เหตุผล ข้อเท็จจริง ผ่านการวิเคราะห์ สังเคราะห์ โดยอาศัยหลักวิชาการหักล้างหรือสนับสนุน
- จุดเด่น, จุดด้อย, ข้อดี, ข้อเสีย, คุณค่า, ประโยชน์
- ความคาดหวัง ผลกระทบ พร้อมเสนอแนะแนวทางเพื่อการแก้ไข การส่งเสริมและพัฒนาต่อยอด
9. สรุป (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
สรุปภาพรวมครอบคลุมผลการศึกษาที่นำเสนอ สะท้อนคุณค่า การนำไปใช้ประโยชน์ เป็นความเรียงไม่ใส่เลขเป็นข้อมาตรา ไม่เอียง ไม่หนา ไม่แทรกภาพโมเดล สะท้อนคุณค่าประโยชน์ เหตุผล หลักการเชิงวิชาการ
10. บรรณานุกรม (18 pt., เนื้อความ 16 pt.) ดูแบบฟอร์มรูปแบบอ้างอิง
แหล่งข้อมูลอ้างอิง ที่ปรากฏในเนื้อหาบทความทั้งหมด จะต้องนำมาเขียนเป็นรายการอ้างอิงในบรรณานุกรมให้ครบถ้วนสมบูรณ์ทุกๆ อ้างอิง ตามรูปแบบอ้างอิงของวารสาร และเรียงลำดับตามตัวอักษร A-Z (ห้ามอ้างอิงในบรรณานุกรมที่ไม่ปรากฏการอ้างอิงจริงในเนื้อหาบทความ)
®®®®®®®®®®®®®®®®®®®
5. ตัวอย่างบรรณานุกรม
บรรณานุกรม ดูแบบฟอร์มรูปแบบอ้างอิง
(ให้เรียงลำดับตามตัวอักษร ก-ฮ, A-Z แยกหมวดไทย-อังกฤษ, ไม่ต้องแยกหมวดชนิดประเภท)
(ชื่อซ้ำไม่ต้องใช้ขีดเส้น ___________. (2529). ให้ใช้ชื่อเต็มคงเดิม เช่น เนื่องน้อย บุณยเนตร. (2529).
1) พระไตรปิฎก อรรถกถา
ชื่อ-สกุล. /(ปีที่พิมพ์)./ชื่อพระไตรปิฎกอรรถกถา. สถานที่พิมพ์:/สำนักพิมพ์หรือ.
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
(ปัจจุบันมีพระไตรปิฎกหลายสถาบัน อ้างอิงแทรกในเนื้อหาบทความต้องระบุสถาบันด้วย เพื่อป้องกันสับสน)
(พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย: 1/50/443)
(พระไตรปิฎกและอรรถกถา ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย: 41/14/21-27)
(พระไตรปิฎกสยามรัฐ ฉบับภาษาไทย มหามกุฏราชวิทยาลัย: 25/6/4)
2) หนังสือ
ชื่อ-สกุล./(ปีพิมพ์)./ชื่อเรื่อง./(ครั้งที่พิมพ์)./สถานที่พิมพ์:/สํานักพิมพ์.
เนื่องน้อย บุณยเนตร. (2529). จริยศาสตร์กับปัญหาปัจจุบัน. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พระมหานพดล ธมฺมานนฺโท, สุพิชฌาย์ เลาหะพานิช และเอกภพ พรหมสุทธิรักษ์. (2565). การบริหารจัดการชุมชนแห่งการเรียนรู้ ทางวิชาชีพของพระนิเทศก์. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระศรีธรรมภาณี และคณะ. (2565). การบริหารจัดการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของพระนิเทศก์. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
นงนภัส พันธ์พลกฤต และ ฉัตรชัย ศิริกุลพันธ์. (2558). การพัฒนารูปแบบจิตจริยธรรมในการดำเนินชีวิตของนักศึกษาอาชีวศึกษาใน จังหวัดเชียงใหม่. สาขาวิชาจิตวิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ.
Gardner, H. (2007). Five minds for the future. Boston: Harvard Business School Press.
Robbin, N. (2005). Management. (8th ed.). New Jersey: Prentice Hall.
3) บทความในหนังสือ
ชื่อ-สกุล./(ปีพิมพ์)./ชื่อบทหรือชื่อบทความ./ใน/ชื่อบรรณาธิการ,/ชื่อหนังสือ/(หน้า/เลขหน้า)./สถานที่พิมพ์:/สำนักพิมพ์.
พระสุกิจจ์ สุจิณฺโณ. (2555). การสร้างความคิดนามธรรมในวัฒนธรรมไทย ใน ปวิตร ว่องวีระ. ทฤษฎี และวิธีวิทยาของการวิจัย วัฒนธรรม. (45-46). กรุงเทพฯ: อัมรินทร์.
4) บทความจากวารสาร (หน้า คือ เลขหน้าที่ปรากฎของแผ่นแรก จนถึง เลขหน้าที่ปรากฎแผ่นสุดท้ายของบทความเรื่องนั้นๆ)
ชื่อ-สกุล/(ปี)./ชื่อบทความ./ชื่อวารสาร./เลขของปีที่(เลขของฉบับที่),/เลขหน้าแรก-หน้าสุดท้าย.
ธิติวุฒิ หมั่นมี. (2557). การวางแผนและการติดต่อประสานงานเชิงพุทธ. วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์. 3(1), 25-31.
ธรรมนูญ มูณีเกิด และนงค์นาถ ห่านวิไล. (2563). การใช้หลักสาราณียธรรมในการปฏิบัติงานของบุคลากรในองค์การบริหารส่วน ตำบลเสาธง อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ. 5(2), 18-34.
พระครูพิศาลจริยากร เลขธมฺโม (สังข์ขาว) และสุชน ประวัติดี. (2562). จริยธรรม: ปัญหาพฤติกรรมและการจัดการในปัจจุบันของ สังคมไทย. วารสาร มจร มนุษยศาสตร์ปริทรรศน์. 5(2), 131-145
5) บทความในสารานุกรม
ชื่อ-สกุล./(ปีที่พิมพ์)./ชื่อบทความ./ใน ชื่อสารานุกรม,/(เล่มที่อ้าง, หน้า เลขหน้าที่อ้าง). สถานที่พิมพ์:/สำนักพิมพ์.
สนิท อาจพันธ์. (2537). หม้อคอควาย. ใน สารานุกรมของใช้พื้นบ้านไทยในอดีตเขต หัวเมืองฝ่ายเหนือ, (หน้า 274-275). กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พลับลิชชิ่ง.
Sturgeon, T. (1995). Sciecefiction. In The encyclopaedia America, (12, 150). Danbury, CT: Grolier Press.
6) หนังสือพิมพ์
สุชาติ เผือกสกนธ์. (9 มิถุนายน 2549). ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง. ผู้จัดการรายวัน, น.13.
7) วิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ การศึกษาค้นคว้าอิสระ รายการวิจัย
สุคนธ์ธา เส็งเจริญ. (2556). การวิเคราะห์โครงสร้างความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อจิตสำนึกสาธารณะในนิสิตระดับ ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต คณะศึกษาศาสตร์: มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ.
พรนิภา จันทร์น้อย. (2560). รูปแบบกจิกรรมการพัฒนาพฤติกรรมทางจริยธรรมของนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตาม คุณลักษณะบัณฑิตอุดมคติไทย. วิทยานิพนธ์หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยราชภัฎ เชียงใหม่.
ดวงเดือน พันธุมนาวิน. (2543). ทฤษฎีต้นไม้จริยธรรม: การวิจัยและการพัฒนาบุคลากร. โครงการส่งเสริมเอกสารวิชาการคณะ พัฒนาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
Jung, M. S. (2014). A structural equation model on core competence of nursing students. Doctoral dissertation. Choong-Ang University.
8) สัมภาษณ์
ชื่อ-สกุลผู้ที่ได้รับการสัมภาษณ์./(ปี)./ตำแหน่ง./สัมภาษณ์. วัน เดือน.
พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต). (2542). อธิการบดี, มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. สัมภาษณ์. 18 เมษายน.
9) อินเทอร์เน็ต / เว็บไซต์
พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต). (4 มิถุนายน 2555). การจัดการศาสนาและวัฒนธรรมในองค์กร. สืบค้น 7 กรกฎาคม 2557 จาก www.mcu.ac.th/article/index.html
วีรวิท คงศักดิ์. (2563). จริยธรรมของสังคมไทย. สืบค้น 27 มิถุนายน 2564 จาก http:/ndctt.org/home/images/ DOC/Moralaty- Thai.pdf
Hair, J. F. et al. (2010). Multivariate Data Analysis: A Global Perspective. Retrieved 25 July 2019 from http:/staffweb.hkbu.edu.hk/vwschow/lectures/ism3620 /rule.pdf
Partnership for 21st Century skills. (2011). Framework for 21st Century Learning. Retrieved 25 July 2019 from http:/www.p21.org/storage/documents /1.__p21_framework_2-pager.pdf
10) หนังสือแปล
ชื่อ-นามสกุลผู้แต่งต้นฉบับ./(ปีพิมพ์)./ชื่อเรื่องภาษาต้นฉบับ/[ชื่อหนังสือภาษาอังกฤษ].แปลโดย./(ครั้งที่พิมพ์)./สถานที่พิมพ์:/ สำนักพิมพ์.
เพลโต. (2523). The Republic [อุตมรัฐ]. แปล โดย ปรีชา ช้างขวัญยืน. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
®®®®®®®®®®®®®®®®®®®
6. กรณีไม่ปรากฏข้อมูล ให้ใส่อักษรย่อ
กรณีไม่ปรากฏปีที่พิมพ์ ให้ใส่ (ม.ป.ป.) หรือ (n.d.)
กรณีไม่ปรากฏเมืองหรือสำนักพิมพ์ ให้ใส่ (ม.ป.ท.) หรือ (n.p.)
กรณีพิมพ์ครั้งที่ 1 ไม่ต้องระบุครั้งที่พิมพ์
ม.ป.ท. มาจากคำเต็มว่า (ไม่ปรากฏสถานที่พิมพ์)
N.P. มาจากคำเต็มว่า (no Place of publication)
ม.ป.พ. มาจากคำเต็มว่า (ไม่ปรากฏสํานักพิมพ์)
n.p. มาจากคำเต็มว่า (no publisher)
(ม.ป.ป.) มาจากคำเต็มว่า ไม่ปรากฏปีพิมพ์
(n.d.) มาจากคำเต็มว่า no date
(บ.ก.) มาจากคำเต็มว่า บรรณาธิการ
(Ed.) หรือ (Eds.) มาจากคำเต็มว่า Editor หรือ Editors
®®®®®®®®®®®®®®®®®®®
ประกาศลิขสิทธิ์
- บทความที่ตีพิมพ์นี้ : เป็นลิขสิทธิ์ของ วารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์
- ข้อความที่ปรากฏในบทความที่ตีพิมพ์ในวารสาร : เป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความ ข้อความ และความคิดเห็นใด ๆ ไม่ถือเป็นมุมมองและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการของวารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์