การสำรวจแหล่งโบราณคดีทางพระพุทธศาสนาสมัยทวารวดี ในจังหวัดนครสวรรค์-อุทัยธานี
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาแนวคิดเรื่องสิ่งแวดล้อมและแหล่งโบราณคดีชุมชน 2) เพื่อศึกษาเชิงสำรวจแหล่งโบราณคดีทางพระพุทธศาสนาสมัยทวารวดีในจังหวัดนครสวรรค์-อุทัยธานี 3) เพื่อศึกษาคุณค่าของแหล่งโบราณคดีทางพระพุทธศาสนาสมัยทวารวดีในจังหวัดนครสวรรค์-อุทัยธานี เปนการวิจัยเชิงคุณภาพ ศึกษาพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์-อุทัยธานี กลุ่มประชากร 45 คน และการปฏิบัติการรวมกันด้วยกระบวนการตามวงจรเดมมิง วิเคราะห์และนำเสนอเชิงพรรณนา
ผลการวิจัยพบว่า 1) แนวคิดเรื่องแหล่งโบราณคดี ถือว่าโบราณสถานหรือโบราณวัตถุเป็นสิ่งที่ได้รับการสร้างสรรค์มาจากผู้คนในยุคโบราณ ซึ่งมีความเชื่อและค่านิยมเกี่ยวกับศาสนาหรือสิ่งที่เป็นรูปเคารพของตนจากยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคประวัติศาสตร์ ผ่านกาลเวลาและยังคงหลงเหลือไว้ให้อนุชนคนรุ่นหลังได้ศึกษา 2) แหล่งโบราณคดีทางพระพุทธศาสนาสมัยทวารวดีในจังหวัดนครสวรรค์-อุทัยธานีมีจำนวน 5 เมือง ได้แก่ 1) เมืองจันเสน อ.ตาคลี 2) เมืองโคกไม้เดน อ.พะยุหะคีรี 3) เมืองดงแม่นางเมือง อ.บรรพตพิสัย 4) เมืองบึงคอกช้าง อ.สว่างอารมณ์ และ 5) เมืองท่าการุ้ง อ.บ้านไร่ โดยมีมอญ-เขมรโบราณได้สร้างชุมชนตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12-16 โดยมีศาสนาที่นับถือคือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และพระพุทธศาสนาเถรวาทนิกายสรวาสติวาทิน 3) พื้นที่ของแหล่งโบราณคดีทางพระพุทธศาสนาสมัยทวารวดีในจังหวัดนครสวรรค์-อุทัยธานีมีคุณค่าในฐานะแหล่งเรียนรู้ของชุมชน เป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่าทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ และด้านการท่องเที่ยว และเป็นส่วนที่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนในท้องถิ่นได้
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
- บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์
- ข้อความใดๆ ที่ปรากฎในบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความ และข้อคิดเห็นนั้นไม่ถือว่าเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์
เอกสารอ้างอิง
กรมศิลปากร. (2531). โบราณคดีสี่ภาค. กรุงเทพฯ: หัตถศิลป์.
กรมศิลปากร. (2535). ร่างมาตรฐานและแนวปฏิบัติของกรมศิลปากรในการดำเนินการโบราณสถานโบราณคดี และพิพิธภัณฑ์. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร.
กนกวรรณ ชูชาญ. (2552). การจัดการความรู้ทางทรัพยากรวัฒนธรรมโดยผู้นำชุมชนเพื่อการท่องเที่ยวชุมชน บ้านผาหมอน ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต วิทยาลัยนวัตกรรม: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
กาญจนา สุคัณธสิริกุล. (2555). การพัฒนาคุณภาพการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. ม.ป.ท.: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี.
จี. เซเดส์. (2521). ชนชาติต่าง ๆ ในแหลมอินโดจีน,แปลโดย ปัญญา บริสุทธิ์. กรุงเทพฯ: มูลนิธิโครงการตำรา สังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์.
พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตโต). (2540). พระพุทธศาสนาในอาเซีย. กรุงเทพฯ: ธรรมสภา.
พระส่งเสริม แสงทอง. (2541). แนวคิดการจัดการสิ่งแวดล้อมตามหลักทางพุทธศาสนา. ปริญญาศิลปะศาสตร มหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ : มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
มัณทนี ขมจินดา. (2539). มนุษย์กับธรรมชาติ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
มานพ นักการเรียน, บานชื่น นักการเรียน. (2564). ทวารวดี: มิติทางความเชื่อและศาสนา. วารสารสิรินธร ปริทรรศน์. 22(1), 242-256.
วิศรุต เนาวสุวรรณ์. (2546). แนวทางการปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองประวัติศาสตร์ลพบุรี. วิทยานิพนธ์สถาปัตยกรรมศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เสถียร โพธินันทะ. (2535). ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา. กรุงเทพฯ: มหามกุฏราชวิทยาลัย.
สุทธิลักษณ์ นิลเอสงค์. (2561). บูรณาการพุทธนิเวศเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม. ปริญญาพุทธศาสตรดุษฏีบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
สุภาภักดิ์ ทองทิพย์. (2554). มโนทัศน์เรื่องสิ่งแวดล้อมในพระพุทธศาสนาเถรวาทกับคริสต์ศาสนา. ปริญญา ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต ภาควิชาปรัชญาและศาสนา: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
สุจิตต์ วงศ์เทศ. (2548). คนไทยมาจากไหน?. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มติชน.