การจัดการเรียนรู้ตามหลักพรหมวิหาร 4 ในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จังหวัดอุบลราชธานี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาสภาพ เพื่อเปรียบเทียบ และเพื่อเสนอแนวทางการจัดการเรียนรู้ตามหลักพรหมวิหาร 4 โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จังหวัดอุบลราชธานี เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Methodology Research) ได้แก่ การวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ ประชากรได้แก่ครูโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จังหวัดอุบลราชธานีมี จำนวน 85 รูป/คน กลุ่มตัวอย่างจำนวน 70 รูป/คน ซึ่งได้จากการกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างตามตารางของ Krejcie and Morgan โดยการสุ่มแบบง่าย กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ครู จำนวน 15 รูป/คน ได้โดยการสุ่ม แบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ (Frequency) และหาค่าร้อยละ (%) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ทดสอบด้วยค่าที (t-test independent) การทดสอบเอฟ (F-test) สถิติการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One- way Analysis of variance : f- Test) และทดสอบความแตกต่างรายคู่ใช้การทดสอบโดยใช้วิธีเชฟเฟ่ (Scheff’s Post hoc Comparison)
ผลการวิจัยพบว่า
1.สภาพการจัดการเรียนรู้ตามหลักพรหมวิหาร 4 โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา จังหวัดอุบลราชธานีนั้น โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก เรียงจากมากไปหาน้อยได้ ดังนี้ 1) ด้านอุเบกขา ความวางใจเป็นกลาง 2) ด้านมุทิตา ความยินดี 3) ด้านกรุณา ความสงสาร 4) ด้านเมตตา (ความรักใคร่) ตามลำดับ
2.ผลการเปรียบเทียบระดับการปฏิบัติต่อการจัดการเรียนรู้ตามหลักพรหมวิหาร 4 โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา จังหวัดอุบลราชธานี จำแนกตามสถานภาพ โดยภาพรวมและรายด้านมีระดับการปฏิบัติไม่แตกต่างกัน จำแนกตามวุฒิการศึกษา โดยภาพรวมและรายด้านมีระดับการปฏิบัติไม่แตกต่างกัน และจำแนกตามประสบการณ์การทำงาน โดยภาพรวมมีระดับการปฏิบัติไม่แตกต่างกัน และเมื่อแยกเป็นรายด้าน พบว่า ด้านมุทิตา(ความยินดี) มีระดับการปฏิบัติที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
3.แนวทางและข้อเสนอแนะในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ตามหลักพรหมวิหาร 4 โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา จังหวัดอุบลราชธานี ได้แนวทางและข้อเสนอแนะในแต่ละข้อดังนี้ 3.1) เมตตา ความรักใคร่ ครูมีความปราถนาดีต่อนักเรียนโดยจัดบรรยากาศการเรียนการสอนภายในห้องเรียนให้นักเรียนและครูมีความสนิทสนม เป็นกันเอง จัดการสอนในแต่ละรายวิชาให้เป็นไปด้วยความเมตตา 3.2) ด้านกรุณา ความสงสาร ครูปรารถนาให้นักเรียนพ้นจากความไม่รู้ กล่าวคือการถ่ายทอดองค์ความรู้จากครูไปยังนักเรียน ด้วยความปรารถนาให้นักเรียนได้รับความรู้ที่ชัดเจนแท้จริง โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน 3.3) ด้านมุทิตา (ความยินดี) ครูยกย่อง เชิดชูเกียรติคุณของนักเรียนที่ประสบความสำเร็จในโอกาสต่างๆ ครูส่งเสริมให้นักเรียนเข้ารับการอบรมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพื่อเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนให้พัฒนาสูงขึ้นไป โดยที่ครูคอยเป็นผู้ชี้แนะ คอยให้คำแนะนำอยู่ตลอดเวลา 3.4) ด้านอุเบกขา (ความวางใจเป็นกลาง) ครูจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยความเป็นกลาง ไม่ถืออคติในฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ถือความถูกต้องเป็นเกณฑ์
Article Details
References
พระสมุห์สมนึก สมณธมฺโม (อุทัยแสงไพศาล). (2562). แนวทางการพัฒนาคุณลักษณะของครูตามหลักพรหมวิหาร 4 ในโรงเรียนมัธยมศึกษา จังหวัดปทุมธานี. พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาพระพุทธศาสนา. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต). (2546). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม. กรุงเทพมหานคร: บริษัท สหธรรมิกจํากัด.
พระปฐม ปญญาทีโป (เนียมศรี). (2560). การจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรมตามหลักพรหมวิหาร 4 ของโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว. พุทธศาสตรมหาบัณฑิต พระพุทธศาสนา. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
บุญชม ศรีสะอาด. (2550). วิธีการทางสถิติสำหรับการวิจัย. (พิมพ์ครั้งที่ 3.) กาฬสินธุ์ : ประสานการพิมพ์.