การแนะแนวในพระพุทธศาสนา : วิเคราะห์พระสุตตันตปิฎก
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงเอกสาร มีจุดมุ่งหมายเพื่อวิเคราะห์การแนะแนวในพระพุทธศาสนาตามที่ปรากฏในพระสุตตันตปิฎก ผู้วิจัยได้ศึกษาจากพระสุตตันตปิฎก จำนวน 17 เล่ม (เล่มที่ 9-25) รวม 200 สูตร โดยรวบรวมข้อมูลในแบบบันทึกการรวบรวมข้อมูลและแบบบันทึกการวิเคราะห์ข้อมูล แล้วจึงนำมาวิเคราะห์
ผลการวิจัยพบว่า
- จุดมุ่งหมายการแนะแนว พบว่า มีการแก้ไขความทุกข์ เพื่อป้องกันความทุกข์ และเพื่อส่งเสริมพัฒนาบุคคลให้ไปสู่เป้าหมายสูงสุดในชีวิต คือ พระนิพพาน (ความดับกิเลส)
- หลักการแนะแนว พบว่า ทรงแนะแนวทุกครั้งเมื่อมีโอกาสที่เหมาะสม ทรงทราบข้อมูลพื้นฐานของบุคคล ทรงตระหนักถึงความพร้อมและความต้องการของบุคคลพร้อมทั้งความแตกต่างของบุคคล ทรงแนะแนวให้บุคคลตัดสินใจด้วยตนเองและให้ยอมรับตนเองด้วยความเป็นจริง ทรงเสด็จจาริกไปในที่ต่างๆ เพื่อแนะแนวบุคคล ทรงสอนให้บุคคลมีความเมตตากรุณา ทรงคำนึงถึงศักดิ์ศรีและคุณค่าของมนุษย์ ทรงมีการวางแผนและมีเป้าหมาย ทรงแนะแนวแก่บุคคลทุกช่วงวัย และทรงให้การแนะแนวแก่บุคคลประเภทต่างๆ มิได้แบ่งแยกชนชั้น
- ทฤษฎีจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการแนะแนว พบว่า บุคคลที่พระพุทธเจ้าทรงแนะแนว มีสภาพความทุกข์ (ปัญหา) แตกต่างกัน และมีสภาพความทุกข์ครบทั้ง 8 กลุ่มทฤษฎี คือ 1. ทฤษฎีการให้คำปรึกษาเชิงองค์ประกอบและคุณลักษณะ 2. ทฤษฎีการให้คำปรึกษาเชิงบำบัดด้วยเหตุผล-อารมณ์ 3. ทฤษฎีการให้คำปรึกษาเชิงศูนย์กลางที่บุคคล 4. ทฤษฎีการให้คำปรึกษาเชิงบำบัดแนวเกสตัลท์ 5. ทฤษฎีการให้คำปรึกษาเชิงอัตถิภาวนิยม 6. ทฤษฎีการให้คำปรึกษาเชิงพฤติกรรม 7. ทฤษฎีการให้คำปรึกษาแบบเผชิญความจริง และ 8. ทฤษฎีการให้คำปรึกษาเชิงวิเคราะห์สัมพันธภาพ
- วิธีการแนะแนว พบว่า เทคนิคหรือพุทธวิธีที่ใช้ ได้แก่ การทำนามธรรมให้เป็นรูปธรรม มี การยกอุทาหรณ์ นิทาน อดีตชาติ บุรพกรรมและเหตุการณ์ต่างๆ การเปรียบเทียบด้วยข้ออุปมา การใช้อุปกรณ์หรือสื่อการสอน นอกจากนั้นยังมี การลงโทษและการให้รางวัล การแนะแนวด้วยเหตุการณ์ปัจจุบัน การใช้ปฏิภาณไหวพริบในการโต้ตอบ ความยืดหยุ่นในการใช้วิธีการ พุทธวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การกระตุ้นด้วยคำพูด การใช้คำในความหมายใหม่ การกระตุ้นด้วยคำถามและคำตอบ การสร้างบรรยากาศในการแนะแนว การซักถามและสนทนาโต้ตอบ การตอบปัญหา การบรรยาย และการสนทนาทักทาย พระพุทธเจ้าทรงมีขั้นตอนในการแนะแนวทั้งเป็นรายบุคคลและเป็นรายกลุ่ม และทรงมีบุคลิกภาพของความเป็นนักแนะแนว
- ประเภทการแนะแนว พบว่า มีการแนะแนวครบทั้ง 3 ประเภท คือ การแนะแนวด้านการศึกษา การแนะแนวด้านอาชีพ การแนะแนวด้านส่วนตัวและสังคม รวมทั้งการแนะแนวเพื่อไปสู่สุคติภูมิและเพื่อไปสู่ประโยชน์ที่เป็นสาระแท้แห่งชีวิต (พระนิพพาน)
- กระบวนการแนะแนว พบว่า พระพุทธเจ้าทรงเริ่มจากการเก็บรวบรวมข้อมูล การให้ข้อสนเทศ (หลักธรรม) ร่วมกับการให้คำปรึกษา จากนั้นทรงจัดวางตัวบุคคลและทรงติดตามผลหลังจากที่พระองค์ทรงแนะแนวแล้ว
Article Details
How to Cite
บท
บทความวิจัย