การใช้ชุดฝึกทักษะการขับร้องเพลงตับและเพลงเถาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 วิทยาลัยนาฏศิลปลพบุรี จังหวัดลพบุรี

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของชุดฝึกทักษะการขับร้องเพลงตับและเพลงเถา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังใช้ชุดฝึกทักษะการขับร้องเพลงตับและเพลงเถาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนทีมีต่อการใช้ชุดฝึกทักษะการขับร้องเพลงตับและเพลงเถาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ประชากรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนสาขาวิชาคีตศิลป์ไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 จำนวน 20 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนสาขาวิชาคีตศิลป์ไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 จำนวน 8 คน ได้มาจาการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในวิจัย ได้แก่ ชุดฝึกทักษะการขับร้องเพลงตับและเพลงเถา แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านความรู้ แบบประเมินทักษะการขับร้องเพลงตับและเพลงเถา และแบบสอบถามความพึงพอใจต่อชุดฝึกทักษะการขับร้องเพลงตับและเพลงเถา สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงมาตรฐาน และการทดสอบที (t-test แบบ Dependent) 

ผลการศึกษาวิจัยพบว่า

1. ประสิทธิภาพของชุดฝึกทักษะการขับร้องเพลงตับและเพลงเถามีประสิทธิภาพ () เท่ากับ  85.66/89.22 มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์กำหนด 80/80  


2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2ด้านความรู้ก่อนการเรียน และหลังการเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ตามสถิติที่ระดับ .05 ดังนั้น จึงแสดงว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ด้านความรู้ ที่เรียนด้วยชุดฝึกทักษะการขับร้องเพลงตับและเพลงเถา หลังการเรียนสูงกว่าก่อนการเรียนซึ่งไปตามสมมติฐาน


3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2ด้านทักษะก่อนการเรียนและหลังการเรียน มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ดังนั้น จึงแสดงว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ด้านทักษะ ที่เรียนด้วยชุดฝึกทักษะการขับร้องเพลงตับและเพลงเถา หลังการเรียนสูงกว่าก่อนการเรียนซึ่งไปตามสมมติฐาน


4. ความพึงพอใจต่อชุดฝึกทักษะการขับร้องเพลงตับและเพลงเถา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 อยู่ในระดับดีมาก ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐาน


5.