การพัฒนาและหาประสิทธิภาพของชุดแบบฝึกภาษาพาดหัวข่าว เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านแปลความของนักศึกษาปริญญาตรี วิทยาลัยนาฏศิลปอ่างทอง
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เพื่อพัฒนาชุดแบบฝึกภาษาพาดหัวข่าวของนักศึกษาปริญญาตรี วิทยาลัยนาฏศิลปอ่างทองให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน โดยการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดแบบฝึกภาษาพาดหัวข่าวของนักศึกษาปริญญาตรี วิทยาลัยนาฏศิลปอ่างทอง และ (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาปริญญาตรี วิทยาลัยนาฏศิลปอ่างทองที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ เพื่อการพัฒนาทักษะการอ่านแปลความ โดยใช้ชุดแบบฝึกภาษาพาดหัวข่าว กลุ่มตัวอย่างคือ นักศึกษาชั้นปีที่ 1/1 สาขานาฏศิลปศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 จำนวน 30 คน ได้จากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) การวิจัยใช้รูปแบบการทดลองแบบกลุ่มเดียววัดก่อนและหลังเรียน (One-Group Pretest–Posttest Design) เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ ชุดแบบฝึกภาษาพาดหัวข่าว แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test แบบกลุ่มสัมพันธ์ (Paired Samples t-test)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิภาพของชุดแบบฝึกภาษาพาดหัวข่าวมีค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 80.56/90.67 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนพบว่าคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน (= 22.63, S.D. = 1.92) สูงกว่าก่อนเรียน (= 16.23, S.D. = 3.24)
3. ความพึงพอใจของนักศึกษาต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดแบบฝึกภาษาพาดหัวข่าวอยู่ในระดับ “มากที่สุด” (= 4.62, S.D. = 0.51) แบบทดสอบหรือแบบฝึกหัดมีความชัดเจน เข้าใจง่าย และสะท้อนความสามารถของนักศึกษา
Article Details
เอกสารอ้างอิง
ฉวีลักษณ์ บุณยะกาญจน. (2557). การพัฒนาทักษะการอ่านแปลความโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะภาษาไทย. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์, 21 (2), 45–58.
ชัยนันท์ สีแก้ว และอ้อมธจิต แป้นศรี. (2567). การส่งเสริมการอ่านเชิงวิเคราะห์เพื่อพัฒนาทักษะการคิดระดับสูงของนักเรียนมัธยมศึกษา. วารสารวิจัยและนวัตกรรมการศึกษา, 9 (1), 112–125.
นนท์ธวัช ไชยวัง. (2560). ภาษาพาดหัวข่าวกับการสะท้อนค่านิยมทางสังคมในยุคดิจิทัล. วารสารนิเทศศาสตร์และสื่อใหม่, 5 (2), 67–82.
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). วิธีการทางสถิติสำหรับการวิจัย เล่ม 1. พิมพ์ครั้งที่ 5. สุวีริยาสาส์น.
พนม พงษ์ไพบูลย์. (2559). การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) : แนวทางและการปฏิบัติ. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
พาฝัน จอมสังข์. (2566). การพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ตามแนวคิด 3Rs 8Cs: กรณีศึกษาโรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา. วารสารการบริหารการศึกษาไทย, 19 (3), 98–115.
รัตนา สันยาย. (2538). การพัฒนาแบบฝึกการอ่านจับใจความสำคัญ สำหรับนักเรียนชาวเขาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
[Online]. Available : https://cmudc.library.cmu.ac.th/frontend/Info/item/dc:92885.
, กันยายน 1].
รัตนา อินธิแสน. (2566). การอ่านตีความกับการคิดเชิงวิเคราะห์ของผู้เรียนระดับอุดมศึกษา. วารสารครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย, 12 (1), 33–47.
รัตนาภรณ์ ทับทิมจันทร์. (2565). การอ่านเพื่อการเรียนรู้และการคิดวิเคราะห์ในศตวรรษที่ 21. วารสารภาษาและการสื่อสาร, 8 (2), 59–74.
วิทยาลัยนาฏศิลปอ่างทอง. (2562). คู่มือนักศึกษาหลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต (4 ปี) สาขานาฏศิลปศึกษาและดนตรีศึกษา. อ่างทอง : สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560–2579. กรุงเทพฯ : กระทรวงศึกษาธิการ.
สุนทราภรณ์ วงศ์สุวรรณ. (2558). การพัฒนาทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์โดยใช้สื่อภาษาในชีวิตจริงของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
สมบัติ สุวรรณดี. (2558). ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สื่อที่สัมพันธ์กับประสบการณ์ของผู้เรียนที่มีต่อแรงจูงใจและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 38 (2), 45–59.
Burmeister, L. (1974). Language and reading : Theory and practice. Chicago, IL: Rand McNally College.
Likert, R. (1967). The method of constructing an attitude scale. In M. Fishbein (Ed.), Readings in
attitude theory and measurement (pp. 90–95). New York, NY: John Wiley & Sons.