คนไทย..ที่ขอบฟ้าตะวันตก
บทคัดย่อ
เมืองเมียวดี เป็นหัวเมืองตะวันออกอีกแห่งหนึ่งของพม่า ที่มีเศรษฐกิจดี เนื่องจากเป็นเมืองชายแดนที่ติดกับประเทศไทย ในชนบทรอบๆ เมืองเมียวดี มีชุมชนคนล้านนาอยู่หลายหมู่บ้านซึ่งยังคงดำรงชีวิตเหมือนชาวล้านนา ในประเทศไทย ทั้งการใชภ้ าษา อาหารการกิน ประเพณี ความเชื่อ และศิลปวัฒนธรรม ชาวล้านนาในเขตเมียวดี เรียกตัวเองว่า “คนไต” ซึ่งมีบรรพชนอพยพไปจาก ภาคเหนือของไทยเมื่อประมาณ ๑๐๐ ปีที่ผ่านมา คณะวิจัย เดินทางไปจากเชียงใหม่ ๕ คน มีผู้นำทางจากแม่สอดอีก ๑ คน เดินทางเข้าไปบ้านห้วยส้าน ชุมชนคนไทยวนที่ใหญ่ที่สุดในเขตเมียวดี เพื่อร่วมวางแผนจัดงานวันชาติไท ครั้งที่ ๑๗ ที่จะมีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ คณะวิจัยมีโอกาสได้ไปร่วมงานฝังศพนายพลลุลา นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของ กองกำลังรักษาชายแดนรัฐกะหยิ่น (รัฐกะเหรี่ยง) และได้ไปเยี่ยมเยือนชาวไทยวน ที่อยู่บ้านล้องบ้านท่าซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองกุกกิก ห่างจากเมืองเมียวดีไปทาง ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทราบข้อมูลจากชาวบ้านว่า ยังมีชุมชนไทยวนอยู่ในเขต รัฐกะหยิ่นอีกหลายหมู่บ้าน ในเขตที่ห่างจากเมียวดีไปในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งชาวไทยยวนเหล่านั้นจะมาร่วมงานวันชาติไทที่กำลังจะจัดขึ้นเป็นครั้งที่ ๑๗ ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๐ ก่อนเดินทางกลับเชียงใหม่ คณะวิจัยมีโอกาส ร่วมงานบุญประเพณีประจำปี คืองานบุญข้าวหลาม เดือน ๔ และงานถวายทาน หลัวหิงหนาวพระเจ้า
References
นคร ปัญญาวชิโร (ปรังฤทธิ์), พระ. ๒๕๕๙. วิถีล้านนาใต้ฟ้าเมียวดี. เชียงใหม่.โครงการศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาประเทศเพื่อนบ้าน ฝ่ายวิชาการและวิจัย สำนักวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่.
โครงการพัฒนาทางหลวงเอเชีย. วารสารทางหลวง ปีที่ ๔๘ ฉบับที่ ๓ พฤษภาคม-มิถุนายน ๒๕๕๔ (ทางหลวงเอเชียสาย AH ๑ : ชายแดนกัมพูชา-อรัญประเทศ-กรุงเทพฯ (แยกบางปะอิน) -นครสวรรค์-ตาก-แม่สอด-สะพานมิตรภาพไทย-พม่า รวม ๗๑๕.๕ กม.)
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง,สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (มหาชน). “กะลันทา, ไม้หนาม,คนทา, สีฟันคนทา”. อ้างอิงใน : หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์).
สัมภาษณ์จายวินหม่อ อายุ ๓๐ ปี ผู้นำเยาวชนบ้านห้วยส้าน
สัมภาษณ์แม่จันทร์สม วงศ์เครือ อายุ ๖๔ ปี ชาวบ้านห้วยส้านฃ
สัมภาษณ์พ่อน้อยแก้ว อายุ ๖๗ ปี ชาวบ้านห้วยส้าน
สัมภาษณ์พ่อน้อยคำ อายุ ๖๑ ปี ชาวบ้านห้วยส้าน
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2017 สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน “วารสารข่วงผญา” ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
2. เนื้อหาบทความที่ปรากฏในวารสารเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใดๆ