ดนตรีกับช่องว่างระหว่างหู: บทศึกษาเบื้องต้น

ผู้แต่ง

  • ประสิทธิ์ เลียวสิริพงศ์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

บทคัดย่อ

ดนตรีเป็นสิ่งแวดล้อมประจำวันอย่างหนึ่งของมนุษย์ ทุกเวลาและทุกที่มี เสียงดนตรีเสมอ ไม่ว่ามนุษย์จะตั้งใจฟังหรือไม่ก็ตาม ดนตรีเป็นศิลปะที่เป็นผลผลิต ของมนุษย์และสังคม ทุกสังคมมีองค์กรต่างๆ ประกอบกันทำให้มีลักษณะและแบบแผน ต่างๆ ทางวัฒนธรรมเป็นของแต่ละสังคม ซึ่งอาจเหมือนกับสังคมอื่นๆ มากหรือน้อยขึ้น กับปัจจัยหลายด้าน และอาจแตกต่างจากสังคมอื่นๆ มากหรือน้อยด้วยเหตุปัจจัย ต่างๆ เช่นกัน วัฒนธรรมของสังคมมีอิทธิพลต่อดนตรีของตน โดยปรากฏชัด ในองค์ประกอบดนตรีสามประการ คือ ทำนอง จังหวะ และสีสันของเสียง ซึ่งมีรากฐาน จากคุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ที่มีเองตามธรรมชาติของเสียง คือ มีระดับเสียง (ใช้แต่งทำนอง) ความยาวของเสียง กับความเข้มของเสียง (ใช้สร้างลีลาจังหวะและ ความดัง) และสีสันของเสียง ซึ่งมีให้เลือกใช้เพื่อสร้างความไพเราะให้สอดคล้องกับ ความรู้สึกและอารมณ์ที่พึงประสงค์ องค์ประกอบที่เหลืออีกสองอย่าง คือ เนื้อ ในของดนตรี และรูปแบบนั้น นักดนตรีหรือผู้รู้ดนตรีสนใจมากกว่าผู้ฟังทั่วๆ ไป องค์ประกอบดนตรีที่มีอิทธิพลของวัฒนธรรมแฝงอยู่ดังกล่าว แม้จะเป็น นามธรรม ไม่มีรูปร่างให้จับต้องได้ ก็มิได้สาบสูญไป เพราะสมองของมนุษย์ได้รับฟัง และบันทึกเก็บไว้ในหน่วยความจำซึ่งจำนวนไม่น้อยเป็นความจำระยะยาวที่สามารถ คงอยู่ได้นานหลายทศวรรษหรือตลอดชีวิต ตั้งแต่มนุษย์เริ่มจำเสียงดนตรีได้ เมื่อเป็นตัวอ่อนอายุประมาณ ๒๐ สัปดาห์ในครรภ์มารดาเป็นต้นไป เสียงดนตรีจาก สิ่งแวดล้อมในชีวิตของทารกจำนวนไม่น้อยผ่านทางมารดาสู่ทารก ทำให้ทารกรู้สึกไว้ วางใจ รู้สึกปลอดภัยและมีความสุข เสียงชุดแรกๆนี้ ต่อมาได้กลายเป็นเสียงต้นแบบ สำหรับเปรียบเทียบกับเสียงใหม่ๆ จำนวนมากที่ได้ยินเมื่อเติบโตขึ้น สมองเลือกเสียง ที่ใกล้เคียงหรือเหมือนกับเสียงต้นแบบสะสมไว้ การเน้นยํ้ารสนิยมทางดนตรีปรากฏ ชัดในช่วงตั้งแต่ก่อนวัยรุ่น จนถึงวัยประมาณยี่สิบปีหรือเลยไปเล็กน้อย เพราะช่วงเวลานี้ สมองกำลังมีประสิทธิภาพสูงที่สุด หลังจากนี้ รสนิยมทางดนตรีของผู้ฟังทั่วไปซึ่งมีความจำแบบเก็บรายละเอียด เป็นหลักคงที่ โดยปรากฏชัดว่า องค์ประกอบหลักสามอย่างมีความสำคัญมากเป็นพิเศษ ส่วนผูที้่รู้ดนตรีซึ่งมีความจำแบบรู้ความหมายเพิ่มขึ้นอาจเปลี่ยนแปลงรสนิยมไปจากเดิม ก็ได้เช่นมีความสนใจเนื้อในของดนตรีเป็นพิเศษ แต่ความจำเดิมยังคงอยู่เสมอ

References

คณะกรรมการวัฒนธรรมแหง่ ชาติ, สำนักงาน. (๒๕๓๒). กึ่งศตวรรษเพลงลูกทุง่ ไทย. กรุงเทพ : บริษัทอมรินทร์ พริ้นติ้ง กรุ๊ป.

ณัชชา โสคติยานุรักษ์. (๒๕๓๙). พื้นฐานทฤษฎีดนตรี. กรุงเทพ : โรงพิมพ์คุรุสภา.

ประสิทธิ์ เลียวสิริพงศ์. (๒๕๕๖). การวิเคราะห์องค์ประกอบดนตรีและฉันทลักษณข์ องบทขับของเพลงประชานิยมประเภทเพลงลูกทุง่ คำเมืองซึ่งใช้ทำนองซอดั้งเดิมในภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย. (ได้รับการสนับสนุนทุนทำการวิจัยจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม).

ราชบัณฑิตยสถาน. (๒๕๔๘). พจนานุกรมศัพท์ดนตรีสากล. กรุงเทพ : ราชบัณฑิตยสถาน

Encyclopedia Americana. (๑๙๙๗). vol.๔

Grove Concise Dictionary of Music, the. (๑๙๙๔). Ed. Stanley Sadie. London : Macmillan Press Ltd.

Jourdain, Roberts. (๒๐๐๒). Music, the Brain and Ecstasy : How Music Captures Our Imagination. New York : Harper Perennial.

Lamont, Alexandra. (๒๐๐๕).”What Is the Significance of Music for Children?” www.openlearn.edu/openlearn/body–mind/children–youth/.

Levitin, Daniel J. (๒๐๐๗). This Is Your Brain on Music. New York : A Plume Book.

Lundin, Robert W. (๑๙๘๕). An Objective Psychology of Music. Malabar, Florida : Robert E. Krieger Publishing Company.

Reck, David. (๑๙๗๗). Music of the Whole Earth. New York : Charles Scribner’s Sons.

Vivelo, Frank Robert. (๑๙๙๔). Cultural Anthropology : A Basic Introduction. Lanham, Maryland : The University Press.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

29-12-2016

ฉบับ

บท

บทความวิจัย