พฤติกรรมของผู้ใช้บริการนวดแพทย์แผนไทย กรณีศึกษาศูนย์แพทย์แผนไทยเทศบาลนครเชียงใหม่ ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
คำสำคัญ:
การแพทย์แผนไทย, ความเชื่อ, พฤติกรรมการใช้บริการบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) พฤติกรรมของผู้ใช้บริการแพทย์แผนไทย 2) ผลทางด้านร่างกาย ที่เกิดขึ้นภายหลังการรับบริการนวดแผนไทย และ 3) อาการก่อนและหลังเข้ารับบริการนวดแผนไทย รวมถึงการรักษาด้วยแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนปัจจุบัน ณ ศูนย์แพทย์แผนไทยเทศบาลนครเชียงใหม่ ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ การวิจัยนี้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสาน โดยใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกและแบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างผู้ใช้บริการจำนวน 20 คน การศึกษาครั้งนี้อาศัยแนวคิดแพทย์แผนโบราณ แนวคิดสมุฏฐานเวชกรรมไทย และแนวคิดทฤษฎีการแพทย์แผนปัจจุบัน รวมถึงมุมมองของการแพทย์แผนปัจจุบันต่อการเกิดโรค
ผลการศึกษาพบว่า 1) พฤติกรรมของผู้ใช้บริการ คือ การนั่งทำงานเป็นเวลานาน การยืนสอนหนังสือ การทำงานบ้าน รวมถึงการทำสวน เกิดอุบัติเหตุ และผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นสาเหตุทำให้มีอาการปวดเมื่อยร่างกาย เช่น คอ บ่า ไหล่ ผู้ใช้บริการส่วนจึงใหญ่ตัดสินใจเข้ารับการรักษาเนื่องจากอาการปวดเรื้อรังที่ไม่ดีขึ้นตามเวลา 2) ภายหลังการรักษา พบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการดีขึ้นแต่ไม่สามารถกลับสู่สภาพปกติได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ขาดกำลังใจในการรักษา เนื่องจากตัดสินใจเข้ารับการรักษาด้วยตนเอง อย่างไรก็ตามผู้ใช้บริการบางส่วนได้รับกำลังใจจากลูกหลานและผู้ให้บริการนวด และ 3) ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่รู้สึกผ่อนคลายและร่างกายเบาสบายขึ้นภายหลังการรักษา เนื่องจากได้รับการนวดตรงจุด ที่มีอาการ ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เคยรับการรักษาจากแพทย์แผนปัจจุบันมาก่อน แต่เนื่องจากอาการไม่ดีขึ้น จึงตัดสินใจมารับการรักษาด้วยแพทย์แผนไทย ผลการศึกษาสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวเชียงใหม่ที่ต้องทำงานหนักเพื่อการดำรงชีพ ส่งผลให้สุขภาพเสื่อมโทรม ทำให้มีแนวโน้มหันมาใช้บริการนวดแผนไทยมากขึ้น เนื่องจากใช้เวลาในการรักษาน้อยกว่าและมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการรักษาในโรงพยาบาล
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กรรณิการ์ มรุทาธร. (2555). หายป่วยด้วย...หมอพื้นบ้าน 2. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: บีเวลพับลิชชิ่ง.
กระทรวงการต่างประเทศ. (2563). “นวดไทย” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ขององค์การยูเนสโก. สืบค้นจาก http://www.mfa.go.th/th/content/113200
จุฑานาฎ อ่อนฉ่ำ และ ดลฤทัย บุญประสิทธิ์. (2561). ศึกษาการนวดแผนไทย 4 ภาค: การวิเคราะห์ องค์ความรู้และการศึกษาวิธีการปฏิบัติเชิงประจักษ์. Veridian E-Journal, 11(2), 3482- 3494.
เทศบาลนครเชียงใหม่. (ม.ป.ป.). เทศบาลนครเชียงใหม่ จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง. เชียงใหม่: ศูนย์แพทย์แผนไทยเทศบาลนครเชียงใหม่.
ประพจน์ เภตราการ. (2557). ทฤษฎีการแพทย์แผนไทยกับการแพทย์แผนปัจจุบัน. วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก, 12(2), 167-169
ปานกมล สายโนกาศ. แพทย์แผนไทย ศูนย์แพทย์แผนไทยเทศบาลนครเชียงใหม่. (23 ธันวาคม 2566). สัมภาษณ์.
เปรม แสงแก้ว. (2565). REFEXOLGY นวดฝ่าเท้า บรรเทาโรคฟื้นฟูสุขภาพ. กรุงเทพฯ: เพชร Dimond.
ภัทราพร ภัทรนาวิก, ไพสิฐ ภัทรนาวิก และจินตนา อาจสันเที๊ยะ. (2565). แนวคิดการผสมผสานและบูรณาการแพทย์แผนไทยกับการแพทย์แผนปัจจุบันในการดูแลสุขภาพ. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ สสอท, 4(3), 1-12.
มานพ ประภานนท์. (2543). สัมผัสบำบัดเพื่อสุขภาพ. กรุงเทพฯ: เรือนบุญ.
มูลนิธิฟื้นฟูส่งเสริมการแพทย์ไทยเดิมฯ โรงเรียนอายุรเวทธำรง สถานการแพทย์แผนไทยประยุกต์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล. (2550). ตำราการแพทย์แผนไทยเดิม (แพทยศาสตร์สงเคราะห์ ฉบับอนุรักษ์) เล่มที่ 1 ฉบับชำระ พ.ศ. 2550 เนื่องในมหามงคลวโรกาสเฉลิมพระชนมายุ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช. กรุงเทพฯ: ศุภวณิชการพิมพ์.
วันทนา โซวเจริญสุข และ เพียรชัย คำวงษ์. (2560). ผลของการนวดต่อการลดภาวะปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ภายหลังจากการออกกำลังกายของกล้ามเนื้อเหยียดเข่าในชายสุขภาพดี. พิฆเนศวรสาร, 13(1), 209-219.
วิชัย อึงพินิจพงศ์. (2551). การนวดแผนไทยเพื่อการบำบัด. กรุงเทพฯ: สุวิริยาสาส์น.
อภิรดี ธรรมสรณ์. (2560). ศึกษาการนวดแผนไทยต่อคุณภาพชีวิตด้านกลุ่มคนวัยทำงาน. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.
อรุณระวี พัฒนกิจ. (2541). การบริหารร่างกายแบบไทย ชุด ฤๅษีดัดตัน. กรุงเทพฯ: เพชรกะรัต.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน “วารสารข่วงผญา” ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
2. เนื้อหาบทความที่ปรากฏในวารสารเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
