การจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์โดยชุมชนไทลื้อ บ้านแพะต้นยางงาม ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน
คำสำคัญ:
การจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม, ชุมชนไทลื้อ, วัฒนธรรมและภูมิปัญญาบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์โดยชุมชนไทลื้อ บ้านแพะต้นยางงาม อลัศึกษาการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ก่อให้เกิดรายได้และความต้องการของนักท่องเที่ยวในการการจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์โดยชุมชนไทลื้อ บ้านแพะต้นยางงาม ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ คือ ประชากรชาวไทลื้อที่อาศัยอยู่ในชุมชนบ้านแพะต้นยางงาม ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน จำนวน 289 คน เครื่องมือในการวิจัย คือ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยโปรแกรม Excel และนำเสนอผลการวิเคราะห์สถิติเชิงพรรณนา ค่าการแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยที่ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และนำเสนอผลการวิเคราะห์ในรูปแบบตารางและกราฟ
ผลวิจัยพบว่า ศักยภาพของชุมชนที่มีผลต่อการท่องเที่ยวของชุมชนไทลื้อ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก คิดเป็นค่าเฉลี่ยที่ที่ 4.45 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.67 โดยส่วนใหญ่เห็นว่า แหล่งท่องเที่ยวมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และสามารถเป็นแลนด์มาร์คของชุมชนได้ กิจกรรมของชุมชนมีความโดดเด่น น่าดึงดูดใจ ในขณะที่รูปแบบการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสร้างสรรค์ของชุมชนไทลื้อ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก คิดเป็นค่าเฉลี่ยที่ 4.58 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.65 โดยชุมชนมีการวางแผน มีระบบธุรกิจชุมชนที่ชัดเจน มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจชุมชน และในชุมชนมีการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง และแนวทางการอนุรักษ์ฟื้นฟูมรดกวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของชุมชนไทลื้อ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก คิดเป็นค่าเฉลี่ยที่ 4.62 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.66 ส่วนใหญ่เห็นว่า การจัดกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับวิถีชีวิตและภูมิปัญญาของไทลื้อจะทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนไทลื้อมากยิ่งขึ้น และสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวในชุมชน
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กาญจนา สุคัณธสิริกุล. (2556). การพัฒนาคุณภาพการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุนารี). นครราชสีมา: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี.
จิราภรณ์ แก้วมณี. (2557). การจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชนตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงชุมชนบ้านหัวเขาจีน อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี. (วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศิลปากร). นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
เจิดศักดิ์ มานะ (2559). แรงจูงใจในการเดินทางท่องเที่ยววัดในเขตอำเภอเมือง จังหวัดลำพูน. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยแม่โจ้). เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยแม่โจ้.
ธง คำเกิด, อุทุมพร เรืองฤทธิ์, เพียงฤทัย เสงี่ยมศิลป์, จิตราภรณ์ เถรวัตร ,ชิดชนก มากจันทร์. (2564). การจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนบนฐานรากวิถีชีวิตชุมชนอย่างยั่งยืนของ ตำบลต้นตาล อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ). นนทบุรี: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ.
ประกาศ ปาวา ทองสว่าง และ เกิดสิริ เจริญวิศาล. (2563). การวิเคราะห์ความหลากหลายทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมสู่การศึกษาการท่องเที่ยวพหุวัฒนธรรม. การประชุมวิชาการระดับชาติด้านการบริหารจัดการ ครั้งที่ 12 ประจำปี 2563 (น. 504-519). สงขลา: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
วิลาสินี ธนพิทักษ์, วิวัฒน์ ฤทธิมา, ณติกา ไชยานุพงศ์ และ ศิริชัย กุมารจันทร์. (2561). การจัดการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์เพื่อเรียนรู้นวัตกรรมฝ่ายมีชีวิตจากภูมิปัญญาชุมชนตำบลเขาปู่ อำเภอศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง. วารสารเทคโนโลยีภาคใต้, 14(2), 28-38.
สุกัญญา วงศ์เจริญชัยกุล. (2561). การศึกษาแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศิลปากร). นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สุชาติ อินกล่ำ (2560). การจัดการการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ชุมชนหยงสตาร์ ตำบลท่าข้าม อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย). สงขลา: มหาวิทยาลัยราชมงคลศรีวิชัย.
Joy Twm. (2565). แหล่งท่องเที่ยวชุมชนไทลื้อบ้านธิ. สืบค้นจาก http://www.facebook.com/joy.twm? mibextid=ibOpuv
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน “วารสารข่วงผญา” ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
2. เนื้อหาบทความที่ปรากฏในวารสารเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
