A Stud of the Appoaches in Debt alleviation appearing in Inasutta of the People in samrong district Ubon ratchathani province

Main Article Content

Phra Pongsuk Rojanavutdhi
Sipmongkol Pongpa.
Nakhon Jantharacha

Abstract

วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาแนวคิดเรื่องหนี้สิน 2) เพื่อศึกษาแนวคิดเรื่องหลักพุทธรรมที่ปรากฏในอิณสูตร และ ๓) เพื่อศึกษาแนวทางการแก้ปัญหาหนี้สินที่ปรากฏในอิณสูตรของประชาชนในอำเภอสำโรง จังหวัดอุบลราชธานี การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยวิจัยเชิงคุณภาพ โดยศึกษาข้อมูลปฐมภูมิและข้อมูลทุติยวิเคราะห์และสังเคราะห์ตามรูปแบบการวิจัยและนำเสนอข้อมูลในเชิงพรรณนา


            ผลการวิจัยพบว่า


            หนี้สิน หมายถึง เงินที่ผู้หนึ่งติดค้างอยู่ซึ่งจะต้องใช้ให้แก่อีกผู้หนึ่งโดยหนี้สินแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ 1)หนี้สินแบบหมุนเวียนและ 2) หนี้สินแบบระยะยาวนอกจากนี้แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินพบว่ามี 1) แนวคิดและทฤษฎีเรื่องความ 2) แนวคิดและทฤษฎีเรื่องความต้องการถือเงิน และ 3) แนวคิดและทฤษฎีพฤติกรรมการบริโภค การมีหนี้สินส่งผลกระทบจากปัญหาหนี้สินในสังคมไทยมี 2 ประการ คือ 1) ผลกระทบเชิงบวกของหนี้สาธารณะของชาติและ 2) ผลกระทบเชิงลบของการก่อหนี้สาธารณะของชาติ ส่วนวิธีการการบริหารและการจัดการปัญหาหนี้สินในสังคมไทยปัจจุบันมีการบริหารและการจัดการโครงสร้างหนี้สินและการบริหารและการจัดการการประนอมหนี้


            สำหรับอิณสูตรหมายถึงพระสูตรที่ว่าด้วยเรื่องการเป็นหนี้ที่ปรากฏในพระไตรปิฎกเล่มที่ 22 พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ 14 อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต อิณสูตรเป็นพระสูตรสำคัญในทางพระพุทธศาสนาอีกพระสูตรหนึ่งโดยว่าด้วยความเป็นหนี้ พระพุทธเจ้าทรงแสดงความทุกข์ของกามโภคีบุคคลผู้ครองเรือนซึ่งเป็นผู้บริโภคกาม โดยผู้ครองเรือนในฐานะปุถุชนนั้นย่อมมีความต้องการเสพกามคุณ 5 โดยมี รูป เสียง กลิ่น รส และโผฎฐัพพะโดยเปรียบเทียบกับพระภิกษุ ซึ่งเหมือนกันทั้ง 6 ประการ แต่ความทุกข์ของกามโภคีบุคคลมีความหมายทางโลก ส่วนของพระภิกษุมีความหมายทางคติธรรมมี 6 ประการ คือ 1) ความจน  2) การกู้หนี้ 3) การใช้ดอกเบี้ย  4) การถูกทวง 5) การถูกตาม  และ 4) การถูกจองจำ


            ในส่วนแนวทางการแก้ปัญหาหนี้สินที่ปรากฏในอิณสูตรของประชาชนในอำเภอสำโรง จังหวัดอุบลราชธานีประชาชนนำหลักธรรมในพระพุทธศาสนามาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตโดยมีหลักมัชฌิมาปฏิปทาในการดำรงชีวิตทำให้ประชาชนรู้จักพึ่งตนเองโดยมีศีล 5 เป็นหลักธรรมเบื้องต้น และหลักธรรมต่าง ๆ คือ อิทธิบาท 4 อย่างคือ 1) ฉันทะ คือ ความพอใจ 2) วิริยะ ได้แก่ ความเพียร 3) จิตตะ หมายถึง ความมุ่งไปอุทิศตัว และ 4) วิมังสา คือ ความไตร่ตรองหรือทดลอง และ หลักฆราวาสธรรม 4 คือ 1) สัจจะ คือ พูดจริง 2) ทมะ ได้แก่ การฝึกฝน 3) ขันติ คือ ความอดทน 4) จาคะความเสียสละ ประชาชนมีหลักปฏิบัติเพื่อตนพึ่งตนเองได้นั้นคืออดทนซื่อสัตย์ มัธยัสถ์ ขยัน ถ่อมตน และกตัญญูทั้งหมดเป็นหลักคำสอนในพระพุทธศาสนาที่ส่งเสริมและเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชนในอำเภอสำโรง

Article Details

Section
Research Articles
Author Biographies

Sipmongkol Pongpa., Mahachulalongkornrajvidyalaya University

Mahachulalongkornrajvidyalaya University

Nakhon Jantharacha , Mahachulalongkornrajvidyalaya University

Mahachulalongkornrajvidyalaya University

References

มนูญ มุกข์ประดิษฐ์.(2545). ทฤษฎีใหม่และเศรษฐกิจพอเพียง.กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณ

ราชวิทยาลัย.

ชัยวัชน์ หน่อรัตน์ (บรรณาธิการ) . (2545) . เศรษฐกิจพอเพียงและประชาสังคม: ผลจากการ

เสวนาสหสาขาวิชาการระหว่างสถาบันแห่งชาติครั้งที่ 1.กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ฟ้า

อภัย จำกัด, 2545.

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย . (2539) . พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณ

ราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. เล่มที่ 18,22

ราชบัณฑิตยสถาน. (2558) พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525.กรุงเทพมหานคร:

ราชบัณฑิตยสถาน.

สุวิทย์ รุ่งวิสัย. (2526) . ปัญหาสังคม. เชียงใหม่ : พิมพ์ที่ดวงตะวันการพิมพ์.

โสภณ รัตนากร. (2551). คำอธิบายกฎหมายแพ่งและพานิชย์ว่าด้วยเรื่องหุ้นส่วนและบริษัท,

พิมพ์ครั้งที่ 11.กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์นิติบรรณาการ.