ปัญหาการตีความหมายการบังคับใช้แรงงานหรือบริการในคดีค้ามนุษย์ตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยเรื่องปัญหาการตีความหมายการบังคับใช้แรงงานหรือบริการในคดีค้ามนุษย์ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาหาทางแก้ไข ประเด็นปัญหาการกำหนดนิยามการค้ามนุษย์เกี่ยวกับการตีความหมายการบังคับใช้แรงงานหรือบริการของประเทศไทยซึ่งน่าจะยังไม่เพียงพอ เนื่องจากยังมีประเด็น ได้แก่ 1) การกำหนดนิยามความหมายที่ยังคงเป็นปัญหาในการใช้มาตรการทางกฎหมายการค้ามนุษย์เกี่ยวกับการบังคับใช้แรงงานหรือบริการของประเทศไทย 2) แนวทางการใช้มาตรการทางกฎหมายการค้ามนุษย์เกี่ยวกับการบังคับใช้แรงงานหรือบริการของไทยกับต่างประเทศและแนวคิดแนวคิดของอนุสัญญาสหประชาชาติเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่ตั้งขึ้นในลักษณะองค์กร ค.ศ. 2000 ข้อ 3 (a) ในประเด็นส่วนเกี่ยวกับการทางการบังคับใช้แรงงานหรือบริการยังคงไม่สอดคล้องตรงกัน 3) ควรใช้แนวทางใดในการแก้ไขปัญหาในการตีความหมายของการบังคับใช้แรงงานหรือบริการดังกล่าวให้เพื่อสอดคล้องเหมาะสม
ผลการศึกษา 1) พบว่า การใช้มาตรการกฎหมายนิยามความผิดทางฐานค้ามนุษย์การบังคับใช้แรงงานหรือบริการดังกล่าวของประเทศไทยนั้น เน้นตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 มาตรา 4 ประกอบ มาตรา 6 ซึ่งเคยมีคำตัดสินปรากฏตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13648/2558 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 71/2562 ว่าผู้กระทำผิดจะต้องกระทำโดยเข้าลักษณะเงื่อนไขของข่มขืนใจการขู่เข็ญตามมาตรา 4 อย่างชัดแจ้งเท่านั้น ทั้งที่ หากพิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าวโดยใช้หลักวิญญูชนคนทั่วไปแล้ว ผู้กระทำผิดก็น่าจะควรรู้หรือตระหนักรู้ได้อยู่แล้วว่า เหยื่อผู้เสียหายน่าจะถูกเอาเปรียบจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการดังกล่าวอย่างแน่นอน 2) พบว่า มีแนวทางความแตกต่างของการใช้มาตรการทางกฎหมายการค้ามนุษย์เกี่ยวกับการตีความหมายการบังคับใช้แรงงานหรือบริการของต่างประเทศซึ่งไม่ว่าจะเป็นต่างประเทศที่มีแนวคิดแบบคอมมอนลอว์หรือแบบซีวิลลอว์ก็ตามล้วนแล้วแต่มีทิศทางเดียวกัน ส่วนใหญ่นั้นตัวบทกฎหมายและคำตัดสินจะกำหนดตัวในแนวทางว่า หากผู้กระทำผิดน่าจะควรรู้หรือตระหนักรู้ได้อยู่แล้วว่า เหยื่อผู้เสียหายน่าจะถูกเอาเปรียบจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการก็ถือว่าเป็นการข่มขืนใจขู่เข็ญอันเป็นความผิดค้ามนุษย์การบังคับใช้แรงงานหรือบริการซึ่งสอดคล้องกันกับแนวคิดของอนุสัญญาสหประชาชาติเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่ตั้งขึ้นในลักษณะองค์กร ค.ศ. 2000 ข้อ 3 (a) โดยเฉพาะในส่วนประเด็นที่เกี่ยวกับการบังคับใช้แรงงานหรือบริการที่ว่า การกระทำที่เป็นลักษณะการบีบบังคับในรูปแบบอื่นใดด้วยการกระทำการใช้อำนาจโดยมิชอบ 3) พบว่า ถ้าหากว่าประเทศไทยมีการนำแนวคิดที่แตกต่างดังกล่าวนี้ โดยเฉพาะถ้อยคำที่ว่า รวมถึงการกระทำที่เป็นลักษณะการบีบบังคับในรูปแบบอื่นใดด้วยการกระทำการใช้อำนาจโดยมิชอบ มาปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมใช้ในตัวบทกฎหมายตามมาตรา 4 และ มาตรา 6 ของพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 ของประเทศไทยแล้ว ก็น่าจะทำให้นิยามความหมายการค้ามนุษย์โดยเฉพาะการบังคับใช้แรงงานหรือบริการดังกล่าวมีความสอดคล้องกับแนวทางการใช้มาตรการทางกฎหมายของต่างประเทศ เพราะว่า ถ้อยคำนี้สามารถตีความหมายครอบคลุมถึงผู้ร่วมกระทำผิดที่มีเจตนาแอบแฝงที่น่าจะรู้หรือควรจะรู้ถึงการที่เหยื่อค้ามนุษย์จะถูกเอาเปรียบจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ ซึ่งก็จะมีผลทำให้ศาลประเทศไทยสามารถใช้ดุลพินิจในการตัดสินคดีได้เหมาะสม อันถือเป็นการปรับปรุงแก้ไขที่สอดคล้องเหมาะสม
Article Details
References
จรัญ โฆษณานันท์. (2558). นิติปรัชญา. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
เฉลิมชัย ก๊กเกียรติกุล. (2556). สำนักกฎหมายบ้านเมือง หรือปฏิธานนิยม (Positive Law). สืบค้นจาก http://chalermchai-nbtc.blogspot.com/2013/06/blog-post.html
บรรเจิด สิงคะเนติ. (2563). ข้อพิจารณาเกี่ยวกับหมวดสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย. สืบค้นจาก https://www.isranews.org/isranews-article/44590-peace_44590.html
วรรณวิภา เมืองถ้ำ. (2563). อาชญากรรมทางธุรกิจกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ. ใน อาชญากรรมทางธุรกิจ. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
สุพิศ ปราณีตกพลกรัง. (2559). กฎหมายป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์. กรุงเทพมหานคร: นิติธรรม.
Business Analysis of Law. (2019). ทฤษฎีกฎหมายบริสุทธิ์ของ Hans Kelsen. สืบค้นจาก https://businessanalysisoflaw.com/2019/08/09/philosophy-law-hans-kelsen-pure-theory/
Owlcation. (2023). Key concepts of the philosophy of Aristotle. Retrieved from https://owlcation.com/humanities/Key-Concepts-of-the-Philosophy-of-Aristotle