การปฏิบัติการคิดวิเคราะห์ โดยการเขียน Mind Mapping สาระหน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดำเนินชีวิตในสังคม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสะพือวิทยาคาร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 29 ฉลาด ธรรมวงศ์ 27-36
คำสำคัญ:
ทักษะการคิดวิเคราะห์ โดยการเขียน Mind Mapping การปฏิบัติการ ผลการปฏิบัติการฝึกทักษะ การคิดวิเคราะห์บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์วิจัย 1) เพื่อปฏิบัติการฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ โดยการเขียน Mind Mapping 2) เพื่อเปรียบเทียบผลการปฏิบัติการฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ของกลุ่มทดลอง โดยการเขียน Mind Mapping ก่อนและหลังการปฏิบัติการ และ 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างนักเรียนกลุ่มทดลองหลังปฏิบัติการฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ โดยการเขียน Mind Mapping สาระหน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดำเนินชีวิตในสังคม กับนักเรียนกลุ่มควบคุม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสะพือวิทยาคาร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 29
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบทดสอบท้ายวงจรที่ 1 – 3 แบบทดสอบหลังเรียน และแบบสอบถาม
สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติพาราเมตริกเปรียบเทียบกับค่าวิกฤตจากการแจกแจงแบบ t กลุ่มเดียวเปรียบก่อนและหลังทดลอง และสถิติพาราเมตริกเปรียบเทียบกับค่าวิกฤตจากการแจกแจงแบบ t สองกลุ่มเปรียบเทียบก่อนและหลังทดลอง
ผลการวิจัยพบว่า
- การใช้กระบวนการวิจัยปฏิบัติการ จัดการเรียนรู้ตามแผนจัดการเรียนรู้ที่ 1-13 ในวงจรปฏิบัติการที่ 1-3 หลังปฏิบัติการสอนโดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการเขียน Mind Mapping พบว่า นักเรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ด้านองค์ประกอบ การคิดวิเคราะห์ด้านความสัมพันธ์และการคิดด้านหลักการดีขึ้น เพราะว่า นักเรียนสามารถจำแนกแยกแยะหรือจัดกลุ่มให้เป็นระบบได้ นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมได้ตรงตามตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในแผนการจัด การเรียนรู้
- การเปรียบเทียบผลการปฏิบัติการฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ของกลุ่มทดลอง การสอนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ผ่านการเรียนโดยกระบวนการปฏิบัติการฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ โดยการเขียน Mind Mapping สาระหน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดำเนินชีวิตในสังคม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม กลุ่มทดลอง หลังเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
- การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุม พบว่า ผลการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ผ่านการเรียนโดยกระบวนการปฏิบัติการฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ โดยการเขียน Mind Mapping สาระหน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดำเนินชีวิตในสังคม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มทดลองมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่านักเรียนกลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
เอกสารอ้างอิง
ทิศนา แขมมณี และคนอื่นๆ. วิทยาการด้านการคิด. กรุงเทพฯ: สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ, 2544.
ธีรวุฒิ เอกะกุล. ระเบียบวิธีวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. อุบลราชธานี: โรงพิมพ์วิทยาออฟเซทการพิมพ์, 2550
“พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2542,”. ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 116 ตอนที่ 74 ก.
หน้า 23. 19 สิงหาคม 2542.
มุกดาวรรณ สังข์สุข. การวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียนเพื่อปรับปรุงการจัดการเรียนรู้วิชาเศรษฐศาสตร์ ของผู้เรียนช่วงชั้นที่ 4 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2548.
รับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน),. สำนักงาน. คู่มือการประเมินคุณภาพภายนอก
รอบสาม ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ: แม็ทพอยท์, 2552.
เลขาธิการสภาการศึกษา, สำนักงาน. การประเมินคุณภาพการศึกษา. กรุงเทพฯ: แม็ทพอยท์, 2552.
วุฒิไกร เที่ยงดี. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จังหวัดกาฬสินธุ์ : การคิดวิเคราะห์พหุระดับ. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2549.
สุปริญญา ธัญญาจุฑารัตน์. การพัฒนาการเขียนแผนที่ความคิด เรื่อง สงครามไทยกับพม่าสมัยอยุธยา สำหรับผู้เรียนช่วงชั้นที่ 2 โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2547.
สิรินาฏ กางโหลน. การพัฒนาแผนการเรียนรู้แบบบูรณาการชนิดข้ามกลุ่มสาระโดยใช้แผนผังความคิด(Mind Mapping) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเปือยน้อยศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่น เขต 2. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 2549.
Buzan, Tony and Barry Buzan. The Mind Map Book : Radiant Thinking. London: BBC Books, 1997.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
1. บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารนี้ได้มีการตรวจสอบการลอกเลียนงานวรรณกรรมแล้ว ไม่เกินร้อยละ 25
2. บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารนี้เป็นข้อคิดเห็น ข้อค้นพบของผู้เขียนบทความ โดยผู้เขียนบทความต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อผลทางกฎหมายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากบทความนั้น ๆ
3. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานีก่อนเท่านั้น และจะต้องมีการอ้างอิงวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี ฉบับนั้น ๆ ด้วย