Development of the STAD-based Cooperative Learning Management Model to Improve the Tone Changing Skill in Thai for Pratomsuksa Two (Grade two) Students of Ban Nongsaeng School under the Jurisdiction of Ubon Ratchathani Primary Educational Service Area Office 5
Keywords:
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD , การผันวรรณยุกต์ , ภาษาไทยAbstract
The objectives of the research were 1) to construct the STAD-based cooperative learning management model in order to develop the tone changing skill for the second grader students, 2) to compare the tone changing sill of the experimental group before and after learning and
3) to compare the tone changing skill of the experimental group who was taught with the STAD-based cooperative learning skill management and who was taught by a conventional method.
Population and samples used in the study were the 262 second grader students of Ban Nongsaeng under the jurisdiction of Ubon Ratchathani Primary Educational Service Area Office 5, enrolled in the first semester of the academic year 2012. The samples numbered 76 ; 38 students were in the experimental group and other 38 were in the control group. They were derived by a simple random sampling. The research instruments were 30-item test and 30-item skill development test. The difficulty value of the first ranged between 0.27- 0.77, the discrimination value ranged between 0.23-0.80, and the confidence value was 0.82; the difficulty of the second ranged between 0.23-0.79, the discrimination value was 0.23-0.80, and the confidence value was 0.86. Statistics used in the research were percentage, mean, standard deviation and t-test.
The research findings were as follows:
- Based on the research, the researcher had constructed the cooperative learning model in study consisting of five steps:
1.1 Knowledge presentation a teacher presented a lesson to the class by means of lecture accompanied by the chart showing the tone change, worksheets. The teaching method used the fingers to teach how to change the tones in Thai.
1.2 Exchange the students under study were randomly divided. They were required to concentrate on the worksheets and do exercises with emphasis on learning and cooperation.
1.3 Ability evaluation After finishing each lesson, the teacher would test the students who were arranged to sit in such a way they were unable to help one another. The students after completing the test exchanged their answer sheet to be checked.
1.4 Learner development the learners were provided with the chance to fully ability. The ones getting could improve their scores.
1.5 Reinforcement rewards were given based on the scores they had won by giving the star mark until the content was completed. The group that gained the highest point would be given the reward.
- As regards the tone changing skill of the experimental group, it was found that the experimental group after being taught with the STAD technique-based learning model had a higher skill with a statistical significance of .05.
- Considering the comparison of the tone changing skill of the experimental group taught with the STAD-based learning management model and the control group taught by a conventional learning management, it was found that the experimental group had a higher tone changing skill with a statistical significance of .05.
References
แดเน็กซ์ อินเตอร์คอร์ปอเรชั่น, 2553.
ธนาลัย เธียรวรรณ. การพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กิจกรรม
กลุ่มร่วมมือแบบ STAD. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2551.
พิมสิริ บุญมาก. การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD เรื่อง การอ่านและเขียนสะกดคำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 2554.
ยุทธ ไกยวรรณ์ และ กุสุมา ผลาพรม. พื้นฐานการวิจัย. กรุงเทพฯ: ศูนย์สื่อเสริมกรุงเทพ, 2553.
รัสรินทร์ เสนารถรัฐพงศ์. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง
การผันวรรณยุกต์ด้วยนิ้วมือ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1. การศึกษาค้นคว้าอิสระการศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2551.
ราณี ศรีโมรา. การเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจ และเจตคติต่อการเรียนภาษาไทย โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือวิธีเอสทีเอดีและการจัดการเรียนรู้แบบปกติ. วิทยานิพนธ์
ครุศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี, 2551.
รินรดา จันทะวัน. การพัฒนาแผนการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ด้วยการเรียนรู้แบบร่วมมือ (STAD) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2550.
วรรณี โสมประยูร. เทคนิคการสอนภาษาไทย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ดอกหญ้าวิชาการ จำกัด, 2553.
วิชาการ, กรม. การจัดสาระการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2546 ก.
. แนวทางการประเมินผลด้วยทางเลือกใหม่ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2546 ข.
วิมลรัตน์ สุนทรโรจน์. หลักสูตรและการสอนภาษาไทย. มหาสารคาม: ช้างทอง, 2549.
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
1. บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารนี้ได้มีการตรวจสอบการลอกเลียนงานวรรณกรรมแล้ว ไม่เกินร้อยละ 25
2. บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารนี้เป็นข้อคิดเห็น ข้อค้นพบของผู้เขียนบทความ โดยผู้เขียนบทความต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อผลทางกฎหมายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากบทความนั้น ๆ
3. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานีก่อนเท่านั้น และจะต้องมีการอ้างอิงวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี ฉบับนั้น ๆ ด้วย