การพัฒนาระบบจัดการฐานข้อมูลสารสนเทศการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 27-35
คำสำคัญ:
การประกันคุณภาพภายใน, ระบบจัดการฐานข้อมูล, สารสนเทศบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความต้องการระบบจัดการฐานข้อมูลสารสนเทศการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา 2) เพื่อพัฒนาระบบจัดการฐานข้อมูลสารสนเทศการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา และ 3) เพื่อประเมินระบบจัดการฐานข้อมูลสารสนเทศการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา วิธีดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เป็นการศึกษาความต้องการระบบจัดการฐานข้อมูลสารสนเทศการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ผู้ให้ข้อมูลได้แก่ ครูผู้รับผิดชอบมาตรฐานในระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวมรวมข้อมูลได้แก่ แบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการแจกแจงความถี่และคำนวณค่าร้อยละ ระยะที่ 2 เป็นการพัฒนาระบบจัดการฐานข้อมูลสารสนเทศการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ผู้ให้ข้อมูลได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินระบบสารสนเทศ จำนวน 7 คน เครื่องมือ
ที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบประเมินผลระบบ และแบบตรวจสอบรายการการทำงานของระบบ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการคำนวณค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ระยะที่ 3 เป็นการประเมินระบบจัดการฐานข้อมูลสารสนเทศการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ผู้ให้ข้อมูลได้แก่ ครู จำนวน 29 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบประเมินผลการพัฒนาระบบ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการคำนวณค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
- ผู้รับผิดชอบมาตรฐานการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาของโรงเรียนมีความต้องการระบบการจัดการฐานข้อมูลที่สามารถเก็บข้อมูลได้ทั้งรูปแบบเอกสาร ภาพถ่าย และวีดิทัศน์ ส่วนข้อมูลที่ต้องการให้จัดเก็บได้แก่ มาตรฐาน ตัวชี้วัด แผนงาน โครงการ ร้อยละผลสัมฤทธิ์ และระดับคุณภาพของตัวชี้วัด และข้อมูลที่ต้องการนำไปใช้ได้แก่ แผนงานในแต่ละตัวชี้วัด ผลสรุปในแต่ละมาตรฐานและแต่ละตัวชี้วัด
- ระบบจัดการฐานข้อมูลสารสนเทศที่พัฒนาขึ้นมีลักษณะเป็นโปรแกรมประยุกต์ ทำงานได้ทั้งในระบบอินทราเน็ต และระบบอินเทอร์เน็ต มีระบบรักษาความปลอดภัย ผู้ใช้งานโปรแกรมที่ได้รับสิทธิ์ในแต่ละระดับสามารถเข้าไปใช้งานตามสิทธิ์ของตนได้อย่างถูกต้อง สามารถจัดเก็บข้อมูล เรียกดูข้อมูลพื้นฐานของสถานศึกษา สามารถบันทึกแก้ไขข้อมูลแผนงาน/โครงการ/กิจกรรม ตามตัวชี้วัด สามารถแสดงผลการประเมินตนเองในแต่ละตัวชี้วัด ในแต่ละมาตรฐาน สามารถบันทึกเอกสารหลักฐานในรูปแบบของไฟล์ PDF สามารถบันทึกวีดิทัศน์ในรูปแบบของไฟล์ MP4
สามารถประมวลผลข้อมูล ประมวลผลคะแนนการประเมินตนเองรายตัวชี้วัดตามน้ำหนักตัวชี้วัด สรุปเป็นผลการประเมินตนเองในแต่ละมาตรฐาน และสามารถสรุปเป็นภาพรวมการประเมินตนเองได้
- ผลการประเมินระบบจัดการฐานข้อมูลสารสนเทศการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ทั้งในภาพรวมและรายด้าน ได้แก่ ด้านการบริหารจัดการ ด้านการทำงานของระบบ ความพึงพอใจที่มีต่อระบบ และด้านคู่มือการใช้ระบบล้วนมีคุณภาพอยู่ในระดับดี
เอกสารอ้างอิง
พรนภา โพธิ์ศรี. การจัดระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารโรงเรียนประถมศึกษาสังกัด สำนักงานการประถมศึกษา จังหวัดสุพรรณบุรี. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี, 2546.
วินุลาศ เจริญชัย. การพัฒนาโปรแกรมไมโครคอมพิวเตอร์จัดเก็บและวิเคราะห์ข้อสอบแบบเลือกตอบ. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2537.
วิพาภร มากดี. โครงการวิจัยและพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ โปรแกรมจัดการสารสนเทศศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น. อุบลราชธานี : มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, 2550.
วีรยุทธ์ ธานี. การพัฒนาโปรแกรมคลังข้อสอบบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, 2546.
สำนักงานปฏิรูปการศึกษา (องค์การมหาชน). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ : สำนักงานปฏิรูปการศึกษา (องค์การมหาชน), 2542.
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2550.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
1. บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารนี้ได้มีการตรวจสอบการลอกเลียนงานวรรณกรรมแล้ว ไม่เกินร้อยละ 25
2. บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารนี้เป็นข้อคิดเห็น ข้อค้นพบของผู้เขียนบทความ โดยผู้เขียนบทความต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อผลทางกฎหมายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากบทความนั้น ๆ
3. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานีก่อนเท่านั้น และจะต้องมีการอ้างอิงวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี ฉบับนั้น ๆ ด้วย