การสังเคราะห์งานวิจัยเกี่ยวกับจิตสาธารณะ : การประยุกต์ใช้วิธีวิเคราะห์อภิมาน 76-85
คำสำคัญ:
การสังเคราะห์งานวิจัย, การวิเคราะห์อภิมาน, จิตสาธารณะบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสังเคราะห์งานวิจัยที่เกี่ยวกับจิตสาธารณะที่พิมพ์เผยแพร่ในปี พ.ศ. 2546–2556 2) เพื่อสร้างสมการพยากรณ์ค่าดัชนีมาตรฐานของจิตสาธารณะ และ 3) เพื่อสังเคราะห์ข้อเสนอแนะ
ในการพัฒนาจิตสาธารณะ กลุ่มตัวอย่างคือรายงานวิจัยที่หน่วยงานจัดทำขึ้น และรายงานวิจัยการศึกษาค้นคว้าอิสระหรือสารนิพนธ์ วิทยานิพนธ์หรือปริญญานิพนธ์ที่มุ่งศึกษาเกี่ยวกับจิตสาธารณะ ซึ่งได้มาตามเกณฑ์การคัดเลือกของการวิจัย จำนวน 80 เล่ม
ผลการวิจัยพบว่า
- งานวิจัยที่นำมาสังเคราะห์มีจำนวนทั้งหมด 80 เล่ม ได้ค่าดัชนีมาตรฐานรวมทั้งหมด 1,265 ค่า เป็นค่าขนาดอิทธิพล จำนวน 371 ค่า และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ จำนวน 894 ค่า ตัวแปรคุณลักษณะที่มีอิทธิพลต่อค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ปรับแก้สูงสุด คือ ตัวแปรระดับการศึกษาของกลุ่มตัวอย่างที่เป็นระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประเภทสมมติฐานแบบมีทิศทาง และเพศผู้วิจัยที่เป็นเพศหญิง ตามลำดับ
- ตัวพยากรณ์ที่ดีของค่าดัชนีมาตรฐานจิตสาธารณะ พบว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อค่าดัชนีมาตรฐาน
จิตสาธารณะมากที่สุด คือ ปัจจัยด้านมนุษย์/บุคคล ปัจจัยกระบวนการด้านรูปแบบ/วิธีการ และปัจจัยด้านสื่อนวัตกรรม ตามลำดับ เมื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของค่าดัชนีมาตรฐานจิตสาธารณะ พบว่า ตัวแปรต้นที่มีค่าอิทธิพลมากที่สุดต่อค่าดัชนีมาตรฐาน คือ ปัจจัยด้านครอบครัว ปัจจัยกระบวนการด้านรูปแบบ/และด้านสื่อนวัตกรรม ตามลำดับ - ข้อเสนอแนะด้านการพัฒนาจิตสาธารณะ พบว่า ในเชิงนโยบาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา ควรกำหนดจุดเน้นในการพัฒนาด้านจิตสาธารณะให้กับผู้เรียน โดยมีแผนงาน โครงการรองรับอย่างชัดเจน และในระดับการปฏิบัตินั้น บุคคลที่เป็นตัวแทนในสถาบันทางสังคมที่ใกล้ชิด ได้แก่ บิดามารดา ครูอาจารย์ ผู้นำชุมชน และสื่อมวลชน มีบทบาทสำคัญและมีส่วนร่วมที่จะถ่ายทอดปลูกฝัง และเป็นตัวแบบที่ดีในการพัฒนาจิตสาธารณะให้กับเยาวชนโดยใช้สื่อและวิธีการที่หลากหลาย
เอกสารอ้างอิง
ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม และสังคม สัญจร. สำนึกไทยที่พึงปรารถนา. กรุงเทพฯ: มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทยฯ, 2543.
เลขาธิการสภาการศึกษา, สำนักงาน. รายงานการสังเคราะห์งานวิจัยเกี่ยวกับคุณภาพการศึกษาไทย: การวิเคราะห์อภิมาน (Meta-analysis). กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภา, 2552.
วทัญญู บัวทอง. การสังเคราะห์งานวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับผลสัมฤทธิ์ทาง
การเรียน. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, 2548.
วนิดา ภู่ระหงษ์. การสังเคราะห์งานวิจัยเกี่ยวกับผลการใช้แบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาความสามารถทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนระดับประถมศึกษา. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2550.
ศิวาลัย โนนคำ. การสังเคราะห์งานวิจัยเกี่ยวกับการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ระหว่างปี พ.ศ. 2546-2550. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์, 2552.
ศึกษาธิการ, กระทรวง. หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2545.
. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2551.
. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, สำนักนายกรัฐมนตรี, 2545.
อวยพร เรืองตระกูล และคนอื่น ๆ. การสังเคราะห์งานวิจัยด้านการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ระหว่างปี 2546-2552 ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. กรุงเทพฯ: กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, 2553.
Glass, G. V., B. McGaw and M. L. Smith. Meta-Analysis in Social Research. Beverly Hills: Sage, 1981.
Hunter, J. E. ,F. L. Schmidt and G. B. Jackson. Meta-Analysis: Cumulating Research Findings Across Studies. Beverly Hills: Sage Publications, 1982.
Shadish, W. R. “Meta-analysis and the Exploration of Causal Modeling Process : a Primer of Examples, Methods and Issues,” Psychology Methods. 1(1996): 47-65.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
1. บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารนี้ได้มีการตรวจสอบการลอกเลียนงานวรรณกรรมแล้ว ไม่เกินร้อยละ 25
2. บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารนี้เป็นข้อคิดเห็น ข้อค้นพบของผู้เขียนบทความ โดยผู้เขียนบทความต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อผลทางกฎหมายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากบทความนั้น ๆ
3. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานีก่อนเท่านั้น และจะต้องมีการอ้างอิงวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี ฉบับนั้น ๆ ด้วย