ตัวแปรที่มีความสัมพันธ์กับความสามารถในการอ่านภาษาไทยของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 1 86-95
คำสำคัญ:
ความสามารถในการอ่านภาษาไทย, ภาษาไทย, นักเรียนชั้นประถมศึกษา, งานวิจัยเชิงสหสัมพันธ์บทคัดย่อ
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาตัวแปรที่มีความสัมพันธ์กับความสามารถในการอ่านภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 1 จำนวน 367 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้วัดตัวแปรประกอบด้วย แบบทดสอบ 3 ฉบับ และแบบสอบถาม จำนวน 6 ฉบับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ
ผลการวิจัยพบว่า
ตัวแปรพยากรณ์ทั้ง 8 ตัว ได้แก่ การส่งเสริมการอ่านจากผู้ปกครอง สัมพันธภาพระหว่างนักเรียนกับคนรอบข้าง แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ความเชื่ออำนาจในตน เจตคติต่อการอ่านภาษาไทย การได้รับแบบอย่างการอ่าน ความถนัดด้านภาษา และความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ มีความสัมพันธ์เชิงเส้นตรงกับความสามารถในการอ่านภาษาไทยของนักเรียน โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณ เท่ากับ 0.94 และ ความถนัดทางภาษา ความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ ความเชื่ออำนาจในตน การส่งเสริมการอ่านจากผู้ปกครอง และสัมพันธภาพระหว่างนักเรียนกับคนรอบข้างเป็นตัวแปรพยากรณ์ที่ดีของความสามารถในการอ่านภาษาไทยของนักเรียน ซึ่งตัวแปรพยากรณ์ที่ดีชุดนี้ร่วมกันสามารถพยากรณ์ความสามารถในการอ่านภาษาไทยของนักเรียน ได้ร้อยละ 88.00
เอกสารอ้างอิง
ฉวีวรรณ คูหาภินันท์. “การอ่านและการสร้างความสามารถในการอ่าน,” วารสารสารสนเทศ, 4, 1 (2546) : 1.
ชาติชาย พิทักษ์ธนาคม. จิตวิทยาการเรียนการสอน. กรุงเทพฯ: ภาควิชาปริยัติธรรมและจริยศึกษา
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย, 2544.
ถาวร บุบผาวงษ์. ปัจจัยบางประการที่ส่งผลต่อนิสัยรักการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน
ขยายโอกาสทางการศึกษาในจังหวัดสระบุรี. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัย
ศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร, 2546.
ทวีทรัพย์ ไทยสุริยะ. การเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านจับใจความภาษาอังกฤษโดยใช้เทคนิคการหาความหมายศัพท์จากบริบทของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยบูรพา, 2549.
นิลุบล เลิศวิบูลย์ชัย. การศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความสามารถในการอ่านและความสามารถด้าน การเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 2549.
ผู้จัดการออนไลน์. เผยผลสแกนเด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้กว่า 2 แสนคน. ผู้จัดการ (หนังสือพิมพ์ออนไลน์) 24 กันยายน 2556 (อ้าง 25 ธันวาคม 2556). จาก: http: www.manager.co.th
พันธณีย์ วิหคโต. “สภาพการจัดการเรียนการสอนกลุ่มทักษะ (ภาษาไทยและคณิตศาสตร์) ของครูดีเด่นระดับจังหวัดในโรงเรียนประถมศึกษา,” วารสารการวิจัยทางการศึกษา, 24, 4(2537): 42 - 54.
ไพจิตต์ สายจันทร์. ปัจจัยที่มีผลต่อการอ่านของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนในสังกัด เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์, 2548.
รัชนก บูเอียด. ความสัมพันธ์ระหว่างความเข้าใจความหมายของศัพท์ อัตราความเร็วในการอ่านและความสามารถในการสร้างความคิดรวบยอดกับความสามารถในการอ่านภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จังหวัดสงขลา. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยทักษิณ, 2549.
เรือนคำ คำโมนะ. ปัจจัยพหุระดับที่ส่งผลต่อความสามารถในการอ่านภาษาไทยของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงราย เขต 1. ปริญญานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย, 2552.
วรรณี โสมประยูร. การสอนภาษาไทยระดับประถมศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช, 2544.
สันติกา ดวงจิต. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อนิสัยรักการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในจังหวัดศรีสะเกษ. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2552.
สาวิตรี อยู่สุ่ม. ปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อทักษะการอ่านและเขียนวิชาภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาร้อยเอ็ด เขต 2. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2553.
อภิรดี จริยารังษีโรจน์. การศึกษากลวิธีการรู้คำศัพท์ทางวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษต่างกัน. ปริญญานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2545.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
1. บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารนี้ได้มีการตรวจสอบการลอกเลียนงานวรรณกรรมแล้ว ไม่เกินร้อยละ 25
2. บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารนี้เป็นข้อคิดเห็น ข้อค้นพบของผู้เขียนบทความ โดยผู้เขียนบทความต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อผลทางกฎหมายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากบทความนั้น ๆ
3. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานีก่อนเท่านั้น และจะต้องมีการอ้างอิงวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี ฉบับนั้น ๆ ด้วย
