การสังเคราะห์งานวิจัยเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยเพื่อพัฒนาทักษะการคิดของนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน : การวิเคราะห์อภิมานและการวิเคราะห์เนื้อหา
คำสำคัญ:
การสังเคราะห์งานวิจัย , การจัดการเรียนรู้ภาษาไทย , ทักษะการคิด , การวิเคราะห์อภิมาน , การวิเคราะห์เนื้อหาบทคัดย่อ
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาคุณลักษณะงานวิจัยที่เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยเพื่อพัฒนาทักษะการคิดของนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2) วิเคราะห์ค่าขนาดอิทธิพลของการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อพัฒนาทักษะการคิด ของนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 3) สรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการสังเคราะห์งานวิจัยเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อพัฒนาทักษะการคิดของนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน งานวิจัยที่นำมาสังเคราะห์ในครั้งนี้เป็นวิทยานิพนธ์ ปริญญานิพนธ์ ระดับปริญญาโท ในสถาบันอุดมศึกษาของประเทศไทย จำนวน 30 แห่ง และเป็นงานวิจัยเชิงทดลองที่ตีพิมพ์ตั้งแต่ปี พ.ศ 2548-2562 จำนวน 93 เล่ม ที่ผ่านการประเมินตามเกณฑ์การประเมินคุณภาพงานวิจัยในระดับดีขึ้นไป โดยใช้แบบประเมินคุณภาพงานวิจัย และแบบบันทึกคุณลักษณะงานวิจัย
การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติพื้นฐานวิเคราะห์อภิมาน เป็นการสังเคราะห์เชิงปริมาณโดยการคำนวณค่าขนาดอิทธิพลตามวิธีของ Glass, McGraw and Smith และการสรุปองค์ความรู้เป็นการสรุปบรรยายองค์ความรู้ที่ได้จากการสังเคราะห์งานวิจัย
ผลการวิจัยพบว่า
1 คุณลักษณะงานวิจัยที่เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยเพื่อพัฒนาทักษะการคิดของนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 93 เล่ม พบว่า 1) ด้านผู้วิจัยและการพิมพ์ปรากฏจำนวนที่ศึกษามากที่สุดแต่ละด้าน ดังนี้ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม วุฒิการศึกษาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน ผลิตงานวิจัยใน ปี พ.ศ.2556 2) ด้านเนื้อหาสาระของงานวิจัยปรากฏจำนวนที่ศึกษามากที่สุดแต่ละด้าน ดังนี้ วัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบ ตั้งสมมติฐานแบบมีทิศทาง ใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน กำหนดตัวแปรอิสระ 1 ตัวแปร จำนวนวิธีการจัดการเรียนรู้ 1 วิธี ตัวแปรตามเกี่ยวกับการคิดวิเคราะห์ กำหนดตัวแปรตาม 3 ตัวแปร ใช้แหล่งข้อมูลจากตัวอย่าง จำนวน 1 กลุ่ม การเลือกตัวอย่างโดยการเลือกแบบเจาะจง โดยใช้ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กำหนดประชากร/ตัวอย่าง 40 คนขึ้นไป ใช้ระยะเวลา 15-19 ชั่วโมง และ ภาคเรียนที่ 2 ในการทดลอง 3) ด้านข้อมูลเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลและผลการวิจัยปรากฏจำนวนที่ศึกษามากที่สุดแต่ละด้าน ดังนี้ ใช้แบบวัดความสามารถ/แบบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ ในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยผู้วิจัยสร้างเครื่องมือเอง แบบแผนการวิจัย The single Group Pre-Test Post Test Design สถิติพื้นฐาน
ใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบสมมติฐาน ใช้ t-test
- ค่าขนาดอิทธิพลของการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยที่ส่งผลต่อการพัฒนาทักษะการคิดของนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน มากที่สุดคือ การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ค่าเฉลี่ยของขนาดอิทธิพล = 3.04 โดยวิธีการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิคการสอนมีผลต่อการคิดอย่างมีวิจารณญาณมากที่สุด ค่าเฉลี่ยของขนาดอิทธิพล = 4.39 โดยเทคนิคการสอนที่มีค่าขนาดอิทธิพลสูงที่สุดในกลุ่มเทคนิคการสอน คือเทคนิคหมวกหกใบมีค่าขนาดอิทธิพล d = 5.30
- สรุปองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยเพื่อพัฒนาทักษะการคิดของนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน สรุปได้ว่า มีวิธีการจัดการเรียนรู้ 5 วิธีการ คือ รูปแบบการสอน วิธีสอน เทคนิคการสอน สื่อการสอน และการสอนผสมผสาน
เอกสารอ้างอิง
กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษาไทยตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2552) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุม
สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
กรรณิการ์ แก่นเกษ. (2562). การสังเคราะห์งานวิจัยด้านการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาการเขียนภาษาไทยใน
ระดับประถมศึกษา : การวิเคราะห์อภิมาน. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิจัยและ
ประเมินผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
จีรศักดิ์ ยาโน. (2553). การสังเคราะห์งานวิจัยเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ที่ส่งผลต่อการคิดวิเคราะห์ของ
นักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน : การวิเคราะห์อภิมาน. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาชา
วิชาการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ชฎาภา บรรพงศ์. (2550). การสังเคราะห์งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการประกันคุณภาพการศึกษาด้วยเทคนิคการ
วิเคราะห์เนื้อหาและการวิเคราะห์อภิมาน. ปริญญานิพนธ์ การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหาร
การศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ทัศวรรณ คำทองสุข. (2550). การสังเคราะห์งานวิจัยด้านการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ: การ
วิเคราะห์อภิมานและการวิเคราะห์เนื้อหา. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิจัยและจิตวิทยาการศึกษา
กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ธวัช วันชูชาติ. (2543). การสังเคราะห์งานวิจัยด้านการเรียนการสอนภาษาไทย ระหว่างปีการศึกษา 2535-
สถาบันราชภัฏนครสวรรค์.
นงลักษณ์ วิรัชชัย. (2542). การวิเคราะห์อภิมาน : Meta-analysis. กรุงเทพฯ ภาควิชาวิจัยการศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
นงลักษณ์ วิรัชชัย. (2545). กระบวนการปฏิรูปเพื่อการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ : การประเมินและการประกัน.
กรุงเทพฯ: วี ที ซี คอมมิวนิเคชั่น.
บุญชม ศรีสะอาด. (2545). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ: สุรีวิริยาสาส์น.
ภักดี รักษาพันธุ์. (2547). การสังเคราะห์วิทยานิพนธ์ด้านการเรียนการสอนภาษาไทย ในปี 2533-2545.
วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
วรนุช ศรเพชร. (2559). การสังเคราะห์งานวิจัยด้านการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนากระบวนการคิดระดับปฐมวัย.
ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาวิจัยและประเมินผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
อรวรรณ มุงคุลดา. (2556). การสังเคราะห์งานวิจัยเกี่ยวกับการคิดอย่างมีวิจารณญาณด้วยการวิเคราะห์อภิมาน.
วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิจัยและประเมินผลการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี.
อุทุมพร จามรมาน. (2531). การสังเคราะห์งานวิจัย : เชิงปริมาณ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อุทุมพร พันธ์ชมภู. (2555). การสังเคราะห์งานวิจัยเกี่ยวกับวิธีการจัดการเรียนการสอนที่ส่งผลต่อการเรียนคณิตศาสตร์ระดับ
มัธยมศึกษา : โดยการวิเคราะห์อภิมาน. วิทยานิพนธ์ กศ.ม. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
เอกสิทธิ์ ปิยะแสงทอง. (2555). การวิเคราะห์อภิมานงานวิจัยที่เกี่ยวกับการพัฒนาการคิดสำหรับนักเรียนในระดับ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิจัยและประเมินผลการศึกษา
คณศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
Glass, Gene V, B. MaGaw and M. L. Smith. (1981). Meta-analysis in Social Research. Beverly hills: sage
publications.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารนี้ได้มีการตรวจสอบการลอกเลียนงานวรรณกรรมแล้ว ไม่เกินร้อยละ 25
2. บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารนี้เป็นข้อคิดเห็น ข้อค้นพบของผู้เขียนบทความ โดยผู้เขียนบทความต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อผลทางกฎหมายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากบทความนั้น ๆ
3. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานีก่อนเท่านั้น และจะต้องมีการอ้างอิงวารสารวิจัยและประเมินผลอุบลราชธานี ฉบับนั้น ๆ ด้วย