การพัฒนาประสิทธิภาพของชุดแบบฝึกทักษะการอ่านวิเคราะห์วิชาภาษาไทยร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
คำสำคัญ:
ทักษะการอ่านวิเคราะห์, ชุดแบบฝึก, การเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐานบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อ1) ประเมินประสิทธิภาพของ ชุดแบบฝึกทักษะการอ่านวิเคราะห์วิชาภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบความสามารถในการอ่านวิเคราะห์วิชาภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังใช้ชุดแบบฝึกควบคู่กับการใช้กิจกรรมเป็นฐาน และ 3) ศึกษาความพึงพอใจ ของนักเรียนต่อการเรียนรู้ด้วยชุดแบบฝึกร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน ประชากร กลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดลาดทราย จำนวน 30 คน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา โดยใช้วิธีการสุ่มหลายขั้นตอน คณะครูในโรงเรียนเป็นผู้ใช้แผนการสอนที่พัฒนาในการวิจัยครั้งนี้ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ 1) แผนการจัด การเรียนรู้ เรื่องการอ่านวิเคราะห์ จำนวน 3 แผน เป็นเวลา 6 ชั่วโมง โดยรวมมีค่าเฉลี่ยมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก เท่ากับ 4.37 2) ใบความรู้และแบบฝึกหัด เรื่องการอ่านวิเคราะห์ โดยรวมมีค่าเฉลี่ย มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด เท่ากับ 4.78 3) แบบทดสอบวัดทักษะการอ่านวิเคราะห์ วิชาภาษาไทย ทั้งฉบับได้ค่า IOC อยู่ระหว่าง 0.67 - 1.00 มีค่าความยากง่าย อยู่ระหว่าง 0.40 - 0.77 ค่าอำนาจจำแนก เท่ากับ 0.40 - 1.00 และค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.76 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการใช้ชุดแบบฝึกร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน ทั้งฉบับได้ค่า IOC ผลโดยรวมเท่ากับ 1 มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.88 สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบ t-test
ผลการวิจัยพบว่า 1) ชุดแบบฝึกทักษะการอ่านวิเคราะห์วิชาภาษาไทยของชุดแบบฝึกมีประสิทธิภาพเท่ากับ 88.88/82.00 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 2) คะแนนผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ความสามารถในการอ่านวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังการใช้ชุดแบบฝึกร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน สูงกว่าก่อนใช้ชุดแบบฝึกร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 3) ความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการใช้ชุดแบบฝึกร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน โดยภาพรวมอยู่ในระดับเห็นด้วยมากที่สุด (M = 4.69, SD = 0.33) เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ด้านที่มีความพึงพอใจของผู้เรียนอยู่ในระดับมากที่สุดคือด้านครูผู้สอน (M = 4.77, SD = 0.29) รองลงมาได้แก่ ด้านการจัดการเรียนรู้แบบกิจกรรมเป็นฐานร่วมกับแบบฝึกหัด (M = 4.70, SD = 0.39) ด้านการวัดและประเมินผล (M = 4.70, SD = 0.40) และด้านเนื้อหา เรื่อง การอ่านวิเคราะห์ (M = 4.58, SD = 0.55) ตามลำดับ
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
ชนสิทธิ์ สิทธิ์สูงเนิน, สุวิมล สพฤกษ์ศรี, บุญรอด ชาติยานนท์, เอกสิทธิ์ ชนินทรภูมิ, เสกสรร สุขเสนา, เอกชัย ภูมิระรื่น และสราญจิต อ้นพา. (2567). ผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมเป็นฐานร่วมกับเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมความเป็นนวัตกรและผลงานสร้างสรรค์สำหรับนักเรียน. Silpakorn University e-Journal (Social Sciences, Humanities, and Arts), 24(2): 146 - 159.
พิชิต ฤทธิ์จรูญ. (2561). เทคนิคการวิจัยเพื่อการเรียนรู้. (พิมพ์ครั้งที่ 2). สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วิระวรรณ สุภานันท์. (2564). การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านคิดอย่างมีวิจารณญาณกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. คุรุสภาวิทยาจารย์, 2(3): 52 - 64.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ. (2566). กรอบการประเมินด้านการอ่าน. [ออนไลน์], เข้าถึงได้จาก: https://pisathailand.ipst.ac.th/about-pisa/reading_literacy_framework/
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1. (2566). ข้อมูลนักเรียนตามระบบ DMC ปีการศึกษา 2566. [ออนไลน์], เข้าถึงได้จาก: https://sites.google.com/view/aya1-info
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 2. (2566ก). ข้อมูลนักเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 2 ปีการศึกษา 2566. [ออนไลน์], เข้าถึงได้จาก: https://lookerstudio.google.com/reporting/1691e09b-4908-4cc3-83fd-83bbc9953b64
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 2. (2566ข). ผลการสอบ O-NET ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2562-2564. [ออนไลน์], เข้าถึงได้จาก: https://lookerstudio.google.com/reporting/cc4aef6a-7f65-44c9-b5de-5e5ed4627dc1
อาธิติยา งอกสิน. (2564). ผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามวิธีสอนแบบ MIA เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจและกลยุทธ์การอ่านสำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร.
Anderson, L. W., & Krathwohl, D. R. (2001). A taxonomy for learning, teaching, and assessing: A revision of Bloom's taxonomy of educational objectives. Longman.
Kumar, A., & Sharma, R. (2021). Activity-based learning: A comparative study of its impact on students’ critical thinking and problem-solving skills. Journal of Educational Research. 15(3): 45 - 60.
Likert, R. (1961). New patterns of management. McGraw-Hill.
Saraswathy, R., & Shivakumar, C. (2020). Activity-based learning in education: Theory and practices. Journal of Educational Psychology. 14(2): 89 - 95.
Yadav, R., Kumar, P., & Singh, A. (2021). The impact of activity-based learning on academic achievement and analytical skills in primary education. Journal of Educational Innovation. 10(3): 210 - 225.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 สุภัชฌาน์ ศรีเอี่ยม, สุวิทย์ ฝ่ายสงค์ , อนันต์ ลากุล, เหมันต์ พรหมสนธิ์, สายนภา วงศ์วิศาล

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์ เป็นความคิดเห็นของผู้นิพนธ์แต่ละท่าน มิใช่เป็นทัศนะและมิใช่ความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการจัดทำวารสาร และ
มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์