การศึกษาสมรรถนะนักทรัพยากรมนุษย์ของธุรกิจในประเทศไทย
Main Article Content
Abstract
การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลส่วนบุคคล ที่มีความสัมพันธ์กับบทบาทนักทรัพยากรมนุษย์ การจูงใจ การค้ำจุน นโยบายภาครัฐ และสมรรถนะนักทรัพยากรมนุษย์ของธุรกิจในประเทศไทย 2) เพื่อศึกษาปัจจัยต่างๆที่มีความสัมพันธ์กับสมรรถนะนักทรัพยากรมนุษย์ของธุรกิจในประเทศไทย และ 3)เพื่อพัฒนารูปแบบปัจจัยต่างๆที่มีความสัมพันธ์กับสมรรถนะนักทรัพยากรมนุษย์ของธุรกิจในประเทศไทย โดยใช้วิธีการวิจัยแบบผสมผสาน(Mixed Methodology) ที่มีทั้งวิจัยเชิงคุณภาพ(Qualitative Research)และเชิงปริมาณ(Quantitative Research) เก็บข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลหลักที่สำคัญ (Key Information) จำนวน 10 คน และกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักทรัพยากรมนุษย์ที่ทำงานบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจำนวน 1,000 คน (Hair et.al, 2007) พร้อมกับวิเคราะห์ข้อมูลโดยคำนวณหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าความเบ้ ค่าความโด่ง ค่าความสัมพันธ์เชิงเส้นตรง และค่าความสัมพันธ์เชิงโครงสร้าง
ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง สถานภาพสมรส อายุช่วง 29-40 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ทำงานบริษัท ขนาดใหญ่ ตำแหน่งหัวหน้างาน และมีประสบการณ์ทำงานต่ำกว่า 10 ปี ส่วนความคิดเห็นในด้านสมรรถนะนักทรัพยากรมนุษย์ พบว่า นักทรัพยากรมนุษย์มีความคิดเห็นโดยรวมในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการจูงใจ รองลงมา คือ ด้านการค้ำจุน ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ สมรรถนะนักทรัพยากรมนุษย์ นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลส่วนบุคคล กับปัจจัยต่างๆ พบว่าตำแหน่งงานมีความสัมพันธ์กับบทบาทนักทรัพยากรมนุษย์ ส่วนประสบการณ์ทำงานมีความสัมพันธ์กับการจูงใจ และสมรรถนะนักทรัพยากรมนุษย์ อีกทั้งขนาดของธุรกิจมีความสัมพันธ์กับการค้ำจุน และนโยบายภาครัฐ
โมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของสมรรถนะนักทรัพยากรมนุษย์ของธุรกิจในประเทศไทย มีความสอดคล้อง/กลมกลืมของโมเดลตามสมมติฐานกับข้อมูลเชิงประจักษ์อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยพิจารณาจากค่าสถิติ คือ χ2 = 1,034 , df = 104 , p-value = 0.00 ; Relative χ2= 9.94 ; RMSEA = 0.12 ; P-Value for Test of Close Fit = 0.00 ; NFI = 0.96 ; NNFI = 0.92 ; RFI = 0.92 ; GFI = 0.86 ; AGFI =0.71 ; PGFI =0.41 ; CN = 155 ค่าสัมประสิทธ์สหสัมพันธ์ของตัวแปรสังเกตได้นำไปใช้ในกระบวนการวิเคราะห์ มีตัวแปรทั้งหมด 25 ตัวแปร ซึ่งตัวแปรมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 จำนวน 186 คู่ ทิศทางของความสัมพันธ์ทั้งทางบวกและทางลบ จากนั้นพัฒนารูปแบบปัจจัยต่างๆที่มีความสัมพันธ์กับสมรรถนะนักทรัพยากรมนุษย์ของธุรกิจในประเทศไทย “3C 3S to be HR Professional”
Article Details
ลิขสิทธิ์บทความวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยเป็นลายลักษณ์อักษร
ความรับผิดชอบ เนื้อหาต้นฉบับที่ปรากฏในวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นความรับผิดชอบของผู้นิพนธ์บทความหรือผู้เขียนเอง ทั้งนี้ไม่รวมความผิดพลาดอันเกิดจากเทคนิคการพิมพ์