การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับแบบฝึกเสริมทักษะเรื่องหลักการอ่านการเขียนภาษาไทย เพื่อส่งเสริมความสามารถการอ่านการเขียนภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับแบบฝึกเสริมทักษะเรื่องหลักการอ่านการเขียนภาษาไทย เพื่อส่งเสริมความสามารถการอ่านการ เขียนภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 และ 2) ประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับแบบฝึกเสริมทักษะเรื่อง หลักการอ่านการเขียนภาษาไทย เพื่อส่งเสริมความสามารถการอ่านการเขียนภาษาไทยสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่พัฒนาขึ้น กลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนชุมชน บ้านนาไร่ใหญ่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอำนาจเจริญ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 จำนวน 1 ห้องเรียน 17 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) คู่มือการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ 2) แผนการจัดการเรียนรู้ 3) แบบทดสอบความสามารถการอ่านการเขียนภาษาไทย 4) แบบฝึกเสริมทักษะ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบทีและการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า 1. รูปแบบการจัดการเรียนรู้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับแบบฝึกเสริมทักษะเรื่องหลักการอ่านการเขียนภาษาไทย เพื่อส่งเสริมความสามารถการอ่านการเขียนภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ประกอบด้วย 1) หลักการการเรียนรู้ 2) วัตถุประสงค์ 3) ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น ได้แก่ ขั้นสังเกตรวบรวมข้อมูล (Gathering) ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ (Processing) ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ (Applying and Constructing the Knowledge) ขั้นสื่อสารและนำเสนอ (Applying the Communication Skill) และขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Self-Regulating) และ4) การวัดและประเมินผล พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นมีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 86.24/90.59 และ2. ประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น พบว่า ความสามารถในการอ่านการ เขียนภาษาไทยของผู้เรียนหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ร่วมกับแบบฝึกเสริมทักษะ เรื่อง หลักการอ่านการเขียนภาษาไทย มีค่าเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05 และผู้เรียนมีความพึงพอใจ อยู่ในระดับมากที่สุด
คำสำคัญ: การจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps, แบบฝึกเสริมทักษะ, รูปแบบการจัดการเรียนรู้, การอ่านการเขียน, ภาษาไทย
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กาญจนา นาคสกุล. (2524). ระบบเสียงภาษาไทย. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย.
กรรณิการ์ พวงเกษม. (2540). เรียนรู้เกี่ยวกับการสร้างแบบฝึกหัดภาษาไทยระดับประถมศึกษาในภาควิชา ประถมศึกษา. สัมมนาประถมศึกษาสัมพันธ์ ครั้งที่ 15 (เชียงใหม่ : คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ปรับปรุง
สืบค้นเมื่อ 2561, มีนาคม 13. เข้าถึงได้จาก http://www.mengrai.ac.th/Ebooktr.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
(ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2551.กรุงเทพฯ : กระทรวงศึกษาธิการ.
สุนารี ฝีปากเพราะ.(2563). การสร้างแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านออกเสียงภาษาไทยสำหรับนักเรียนชาติพันธุ์ลัวะ (ไปร) โดยการจัดการเรียนรู้แบบคละชั้น. มหาวิทยาลัยนเรศวร.
ชมนาด เชื้อสุวรรณทวี. (2555). การสอนคณิตศาสตร. กรุงเทพฯ : ภาควิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, ถายเอกสาร.
มาเรียม นิลพันธุ์. (2555). คู่มือรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่เน้นความแตกต่างระหว่างบุคคล (Differentiated instruction). สาขาวิชาหลักสูตรและการนิเทศ คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ทิศนา แขมมณี. (2553). ศาสตรการสอนองคความรูเพื่อการจัดกระบวนการเรียนรูที่มีประสิทธิภาพ.
กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย.
ศศิกานต์ หลวงนุช.(2564). การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ด้วยการจัดการเรียนรู้ GPAS 5 Steps ร่วมกับแหล่งเรียนรู้เพื่อส่งเสริมการคิดแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3. หลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาหลักสูตรและการสอน ภาควิชา หลักสูตรและวิธีสอนบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สําลี รักสุทธี. (2544). เทคนิควิธีการจัดการเรียนและเขียนแผนการสอน โดยยึดผูเรียนเปนสำคัญ.
กรุงเทพฯ : พัฒนาศึกษา.
สมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย. (2547). ภาษาไทยของเรา / สมาคมภาษาและหนังสือแห่ง ประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์. กรุงเทพฯ : สถาพรบุ๊คส์.
Joyce, B, & Weil, M. and Showers, B. (1996). Model of teaching. 4 th ed. Boston : Allyn and Bacon : A Divison of Simon & Schuster, Inc.
Thorndike,R.L. (1955). The Structure of Preferences for Psychological Activities among Psychologists. American Psychologis.
Kruse, Kruse (2008). Introduction to instructional design and the ADDIE model. Retrieved October 10, 2008,from http://www.e-learningguru.com/articles/art2_1.html.