การนำนโยบายด้านการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสู่การปฏิบัติของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 2
คำสำคัญ:
การนำนโยบายสู่การปฏิบัติ, การพัฒนาคุณภาพการศึกษาบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพการนำนโยบายด้านการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสู่การปฏิบัติของโรงเรียน และ 2) นำเสนอแนวทางการนำนโยบายด้านการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสู่การปฏิบัติของโรงเรียน วิธีวิจัยมี 2 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาสภาพการนำนโยบายด้านการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสู่การปฏิบัติของโรงเรียน กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้อำนวยการโรงเรียนหรือรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 2 จำนวน 113 คน ซึ่งได้มาด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.96 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และขั้นตอนที่ 2 นำเสนอแนวทางการนำนโยบายด้านการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสู่การปฏิบัติของโรงเรียน ผู้ให้ข้อมูลหลัก คือ ผู้บริหารการศึกษาจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 2 จำนวน 2 คน นักวิชาการด้านการศึกษา จำนวน 2 คน และผู้อำนวยการโรงเรียน จำนวน 2 คน ซึ่งได้มาด้วยวิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
- สภาพการนำนโยบายด้านการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสู่การปฏิบัติของโรงเรียน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านความตั้งใจของผู้ปฏิบัติ รองลงมา คือ ด้านวัตถุประสงค์และมาตรฐานนโยบาย และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดคือ ด้านทรัพยากรนโยบาย และ
2. นำเสนอแนวทางการนำนโยบายด้านการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสู่การปฏิบัติของโรงเรียน ประกอบด้วย 6 ด้าน 26 รายการ ดังนี้ ด้านที่ 1 ด้านวัตถุประสงค์และมาตรฐานนโยบาย มีรายการปฏิบัติจำนวน 5 รายการ เช่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ ควรทำการวิเคราะห์บริบทของตนเอง และสถานศึกษาในสังกัด เพื่อให้เกิดความเข้าใจระหว่างผู้มอบนโยบาย และผู้ดำเนินงานตามนโยบาย ด้านที่ 2 ด้านทรัพยากรนโยบาย มีรายการปฏิบัติจำนวน 5 รายการ เช่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ ควรมีการวิเคราะห์บริบท ความต้องการของสถานศึกษา และนำมาจัดทำแผนปฏิบัติการ เพื่อให้มีแนวทางในการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมกับสถานศึกษา ด้านที่ 3 ด้านการสื่อสารระหว่างองค์กรและกิจกรรมการเสริมแรง มีรายการปฏิบัติจำนวน 4 รายการ เช่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ ควรมีบทบาทเป็นผู้ประสานงาน ระหว่างผู้มอบนโยบายและผู้รับนโยบายสู่การปฏิบัติ ด้านที่ 4 ด้านลักษณะหน่วยงานที่นำนโยบายไปปฏิบัติ มีรายการปฏิบัติจำนวน 5 รายการ เช่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ และสถานศึกษาควรมีโครงสร้างการทำงานที่ชัดเจน มีการกำหนดภาระงาน และมีกลไกการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติของสถานศึกษา โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ด้านที่ 5 ด้านเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง มีรายการปฏิบัติจำนวน 3 รายการ เช่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ และสถานศึกษาควรมีการวิเคราะห์บริบทของตนเอง เพื่อจะได้นำนโยบายสู่การปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม ตรงกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม ชุมชน สภาพแวดล้อมและบริบทของตนเอง และด้านที่ 6 ด้านความตั้งใจของผู้ปฏิบัติ มีรายการปฏิบัติจำนวน 4 รายการ เช่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ ควรมีการสร้างสัมพันธภาพ และทัศนคติที่ดีระหว่างผู้มอบนโยบายและผู้ปฏิบัติ ตลอดจนรับฟังความคิดเห็นต่างๆ ของผู้ปฏิบัติงาน และนำมาช่วยกันหาแนวทางปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้สถานศึกษาเป็นสถานศึกษาที่มีคุณภาพ
References
จุมพล หนิมพานิช. (2554). การนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ : มุมมองในทัศนะทางรัฐศาสตร์ การเมือง และรัฐประศาสนศาสตร์ การบริหาร และกรณีศึกษาของไทย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ประเวศน์ มหารัตน์สกุล. (2563,6 สิงหาคม). กลยุทธ์การวางแผนและการจัดการ. กรุงเทพฯ: ปัญญาชน.ผู้ชำนาญการด้านการผลิต และพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาสนับสนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษภาค
ตะวันออก [บทสัมภาษณ์].
ปกรณ์ นันทกิจ. (2552). กระบวนการรับรู้นโยบายสาธารณะของประชาชนในเขตเทศบาลตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี. การค้นคว้าอิสระรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการปกครองท้องถิ่น, มหาวิทยาลัยขอนแก่น
มยุรี อนุมานราชธน. (2547) นโยบายสาธารณะ: แนวความคิค กระบวนการ และการวิเคราะห์. เชียงใหม่: คนึงนิจการพิมพ์.
วรเดช จันทรศร. (2543). การนำนโยบายไปปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: สหายบล็อกและการพิมพ์.
สมบัติ ธำรงธัญวงศ์. (2558). นโยบายสาธารณะ : แนวความคิด การวิเคราะห์และกระบวนการ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์เสมาธรรม.
Anderson, J. E. (1975). Public policy-making. New York: Pager.
Bailey, K.D. (1987). Methods of Social Research (3rd ed.). New York: The Free Press.
Bugg, A. (2000). Quality assurance and improvement planning in Illinois high school.
Dissertation. Ph.D. Education Administration, Illinois university.
Dror, Yehezkel. (1968). Public Policy-Making Reexamined. Scranton, Penn: Chandler
Edwards, G.C. and Sharkansky, I .(1978) “The Policy Predicament”,pp.303 – 304
Hogwood, Brian W. and Lewis A. Gunn. (1984). Policy Analysis for the Real World. London: Oxford University Press.
Joseph, Jr., Stewart and David M. Hedge, Jame P. Lester. (2008M). Public Policy: An Evolutionary Approach. 3rdedition. Boston, Mass: Wadsworth.
Parsons, Wayne. (1995). Public Policy: An Introduction to the Theory and Practice of
Policy Analysis. London: Edward Elgar.
Thomas, R. Dye. (1981), Understanding public policy (4th ed.). Englewood Clifts, NJ:
Prentice - Hall.
Whatmough, R. (1994). The listening school Sixth formers and staff as customers of each other. In C. Parsons (Ed.), Quality improvement in education: Case student in schools, colleges and university. London.
Williams, W. (1 9 7 1 ) . Social Policy Research and Analysis: The Experience in The
Federal Social Agencies. New York: American Elsevier Publishing
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2024 มจร การพัฒนาสังคม

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.