การพัฒนาแบบทดสอบคุณลักษณะพิเศษตำแหน่งผู้รักษาประตูฟุตบอล ด้วยระบบประมวลผลคอมพิวเตอร์

Main Article Content

สุกัญญา ช.เจริญยิ่ง
ธิติพงษ์ สุขดี
จิราวัฒน์ ขจรศิลป์

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาคุณลักษณะพิเศษผู้รักษาประตูฟุตบอล 2) พัฒนาระบบทดสอบและเกณฑ์ปกติคุณลักษณะพิเศษผู้รักษาประตูฟุตบอล และ 3) สร้างและทดลองใช้ระบบประมวลผลคอมพิวเตอร์ รูปแบบการวิจัยและพัฒนา (Research and Development: R & D) โดยคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายแบบเจาะจง แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้ 1) เครื่องมือที่ใช้แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้างจากผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คน 2) สร้างแบบทดสอบและเกณฑ์ปกติ หาความเชื่อมั่นและความเป็นปรนัยของแบบทดสอบจากนักกีฬาฟุตบอลผู้รักษาประตู 30 คน สร้างเกณฑ์ปกติโดยใช้แบบทดสอบ จำนวน 16 แบบทดสอบ นักกีฬาฟุตบอลผู้รักษาประตู 100 คน และ 3) พัฒนาระบบประมวลผลข้อมูลคอมพิวเตอร์ ประเมินประสิทธิภาพระบบจากผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คน ประเมินความพึงพอใจจากผู้ฝึกสอน 30 คน นำมาวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลวิจัยพบว่า 1) สังเคราะห์แบบทดสอบจากการสัมภาษณ์ ได้หลักแนวคิดการสร้างแบบทดสอบการเป็นผู้รักษาประตูฟุตบอลและแนวคิดการสร้างระบบประมวลผลคอมพิวเตอร์ 2) สร้างแบบทดสอบและเกณฑ์ปกตินำไปสร้างเกณฑ์ได้ทุกแบบทดสอบ แบ่งเป็น 5 ระดับดีมาก ดี ปานกลาง ต่ำและต่ำมาก และ 3) ผลการพัฒนาระบบประมวลผลมีการใช้งาน 7 ขั้นตอน 1) เข้าระบบ ระบุเบอร์โทรศัพท์เพื่อรับ รหัส OTP 2) กรอกประวัติส่วนตัว 3) ข้อมูลผลทดสอบคุณลักษณะพิเศษผู้รักษาประตูฟุตบอล 4) ข้อมูลผลทดสอบสมรรถภาพทางกาย 5) ข้อมูลผลทดสอบด้านทักษะพื้นฐาน 6) ข้อมูลผลทดสอบความสามารถ และ 7) รายงานผลการทดสอบ โดยมีผลการประเมิน พบว่า ด้านความมีประโยชน์ (equation = 4.87, SD = 0.352) ความเป็นไปได้ (equation = 4.87, SD = 0.352) ความเหมาะสม (equation = 4.60, SD = 0.503) ความถูกต้อง (equation = 4.60, SD = 0.507) คุณภาพอยู่ระดับดีมากทั้ง 4 ด้าน และประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้งานอยู่ระดับมากที่สุด (equation = 4.65, SD = 0.573)

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ช.เจริญยิ่ง ส., สุขดี ธ., & ขจรศิลป์ จ. (2025). การพัฒนาแบบทดสอบคุณลักษณะพิเศษตำแหน่งผู้รักษาประตูฟุตบอล ด้วยระบบประมวลผลคอมพิวเตอร์. วารสารสังคมศาสตร์และวัฒนธรรม, 9(4), 145–156. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/JSC/article/view/281755
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กรีฑา พรหมเทพ และปณิธาน เมฆกมล. (2565). การพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อการตัดสินกรีฑา ประเภทลานชนิดการตัดสินผลการแข่งขันด้วยความไกล. วารสารมานุษยวิทยาเชิงพุทธ, 7(4), 412-424.

จุฑาภรณ์ มาสันเทียะ. (2565). การสร้างระบบการทดสอบโดยใช้คอมพิวเตอร์ที่มีการให้ข้อมูลย้อนกลับทันทีสำหรับผู้เรียนที่มีความสามารถแตกต่างกันเพื่อพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง: การประยุกต์ใช้ RISE Model. วารสารวิชาการคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 13(1), 1-16.

พรเทพ ปานเนาว์. (2552). การสร้างแบบทดสอบทักษะผู้รักษาประตูฟุตซอลสำหรับนักกีฬาชาย ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น. JOURNAL OF EDUCATION KHON KAEN UNIVERSITY, 32(2), 65-71.

พฤกษา กิ้วสระทรัพย์. (2565). การพัฒนาโปรแกรมวิเคราะห์สมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ศูนย์วิจัยและพัฒนาการ ศึกษา. วารสารวิชาการศรีปทุมชลบุรี, 18(3), 12-21.

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2562). ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561 - 2580. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.

สุทธินี ศรีบุรี. (2565). เทคโนโลยีความเป็นจริงเสริมกับการจัดการกีฬายุคใหม่. วารสารการจัดการกีฬาสมัยใหม่, 1(1), 1-12.

อนุรักษ์ ปักการะนัง. (2565). การสร้างเกณฑ์การประเมินทักษะกีฬาปันจักสีลัตสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ตอนต้น. วารสารสุขศึกษาพลศึกษาและสันทนาการ, 48(1), 218-225.

Abe, Y. et al. (2022). Reliability and Validity of a Novel Reactive Agility Test with Soccer Goalkeeper-Specific Movements. Sports, 10(11), 169-177.

Farhan, E. M. & Hammoodi, A. G. (2022). The Effect of Practical Exercises for the Technique of Ballistic Training to Develop Some Functional Capabilities of the Goalkeepers of the National Youth Football Team. Indian Journal of Forensic Medicine & Toxicology, 16(1), 1-6.

West, J. (2018). A review of the key demands for a football goalkeeper. International Journal of Sports Science & Coaching, 13(6), 1215-1222.

Zupan, M. F. et al. (2009). Wingate anaerobic test peak power and anaerobic capacity classifications for men and women intercollegiate athletes. The Journal of Strength & Conditioning Research, 23(9), 2598-2604.