การพัฒนาเครื่องมือประเมินสมรรถนะ การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์ของครูอนุบาล
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบสมรรถนะการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์ของครูอนุบาล 2) สร้างและตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือประเมินสมรรถนะการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์ของครูอนุบาล โดยใช้การวิจัยและพัฒนาที่มีวิธีดำเนินการวิจัย 3 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นที่ 1 การพัฒนาองค์ประกอบสมรรถนะและเครื่องมือประเมินสมรรถนะการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์ ฉบับตั้งต้น ขั้นที่ 2 การตรวจสอบคุณภาพโดยผู้ทรงคุณวุฒิ ขั้นที่ 3 การทดลองนำร่อง ผู้เข้าร่วมการวิจัยประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ท่าน และครูอนุบาลโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน 9 ท่าน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาความตรงเชิงเนื้อหาด้วยดัชนี IOC การหาค่าความเที่ยง และการวิเคราะห์เชิงบรรยาย ผลการวิจัย พบว่า 1. สมรรถนะการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์ของครูอนุบาล มีองค์ประกอบ 3 ด้าน 9 ตัวบ่งชี้ ได้แก่ 1) ด้านการออกแบบการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย 3 ตัวบ่งชี้ 2) ด้านการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย 3 ตัวบ่งชี้ และ 3) ด้านการประเมินผลการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย 3 ตัวบ่งชี้ 2. เครื่องมือประเมินสมรรถนะการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์ เป็นชุดเครื่องมือที่ประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 เครื่องมือหลัก คือ แบบประเมินสมรรถนะการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพเหมาะสม สะดวกต่อการนำไปใช้เก็บข้อมูลจริง (IOC = 1.00, ICC = .982) ส่วนที่ 2 เครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบเครื่องมือหลัก ประกอบด้วยเครื่องมือ 5 ฉบับที่มีคุณภาพเหมาะสม สะดวกต่อการนำไปใช้เก็บข้อมูลจริง ได้แก่ 1) แบบสังเกตการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์ (IOC = 1.00) 2) แบบสัมภาษณ์เกี่ยวกับการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์ (IOC = 1.00) 3) แบบบันทึกการศึกษาเอกสาร (IOC = 1.00) 4) แบบบันทึกพฤติกรรมและการสนทนา (IOC = 1.00) และ 5) แบบประเมินการรับรู้ความสามารถของตนเองในการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์ (IOC = 0.90, α = .891)
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กัญจนวลัย นนทแก้ว แฟร์รี่ และจำเนียร จวงตระกูล. (2564). การจัดการข้อมูลในการวิจัยเชิงคุณภาพ. วารสารชุมชนวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา, 15(2), 1-12.
กัญณัฏฐ์ สวัสดิ์สว่าง. (2558). เร่งพัฒนาครูปฐมวัย-ประถมประยุกต์สอนวิทย์แบบง่าย. เรียกใช้เมื่อ 23 เมษายน 2566 จาก https://mgronline.com/qol/detail/9580000045140
กุลิสรา จิตรชญาวนิช. (2562). การจัดการเรียนรู้. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เกษศิรินทร์ ศรีสัมฤทธิ์. (2556). รูปแบบการพัฒนาวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพครูด้านการจัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย. ใน ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
จิตติรัตน์ แสงเลิศอุทัย. (2558). เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย. วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, 12(58), 13-24.
ณัฏฐภรณ์ หลาวทอง. (2559). การสร้างเครื่องมือการวิจัยทางการศึกษา. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ถาวร ทิศทองคำ. (2559). ขั้นตอนการสร้างเครื่องมือวิจัยที่มีคุณภาพ. เรียกใช้เมื่อ 23 เมษายน 2566 จาก https://www.thonburi-u.ac.th/km/6.pdf
ทิศนา แขมมณี. (2562). 10 สมรรถนะหลัก ปั้นเด็กไทยฉลาดรู้ อยู่ดีมีสุข มีความสามารถสูง และใส่ใจสังคม. เรียกใช้เมื่อ 23 เมษายน 2566 จาก https://www.thaiedreform.org/wp-content/uploads/2019/08/Core_competency_09.pdf
เทพกัญญา พรหมขัติแก้ว. (2552). 5 แนวทางสอนคิด เติม "วิทย์" ให้เด็กอนุบาล. เรียกใช้เมื่อ 23 เมษายน 2566 จาก https://www.moe.go.th/5-แนวทางสอนคิด-เติม-วิทย์
พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และพเยาว์ ยินดีสุข. (2548). วิธีวิทยาการสอนวิทยาศาสตร์ทั่วไป. กรุงเทพมหานคร: สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ.
ยมนพร เอกปัชชา. (2557). การพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบเสริมพลังเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของครูปฐมวัย. ใน ดุษฎีนิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการศึกษาและการเรียนรู้. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2560). สพฐ.สัญจรขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติ. เรียกใช้เมื่อ 3 มีนาคม 2566 จาก https://drive.google.com/file/d/0B6NDSD_P _zqTLTZSckRzc3ZCXzg/view?resourcekey=0-Fx1xQQemJufwgqcUdUvQEw
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2562). หลักสูตรพัฒนาศักยภาพศึกษานิเทศก์และครูผู้สอนในการสร้างเครื่องมือประเมินสมรรถนะผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน. เรียกใช้เมื่อ 3 มีนาคม 2566 จาก http://reo9.obec.in.th/gis/eoffice/57000001tbl _datainformation/20190822161252onCCXj8.pdf
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2551). รายงานการวิจัยสมรรถนะครูและแนวทางการพัฒนาครูในสังคมที่เปลี่ยนแปลง. กรุงเทพมหานคร: พริกหวานกราฟฟิค.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2562). รายงานผลการวิจัยและพัฒนากรอบสมรรถนะผู้เรียนระดับประถมศึกษาตอนต้นสำหรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพมหานคร: 21 เซ็นจูรี่.
Anders, Y. et al. (2018). Early Science Education – Goals and Process-Related Quality Criteria for Science Teaching. Germany: Verlag Barbara Budrich.
Bentzen, W. R. (2009). Seeing Young Children: A Guide to Observing and Recording Behavior. (6th edition). New York: Thomson Delmar Learning.
Briccia, V. & Carvalho, A. M. P. (2016). Teacher competencies and training for science education in the early years of elementary school. Revista Ensaio Belo Horizonte, 18(1), 1-22.
California Country Superintendents Educational Services Association Arts Initiative. (2014). What is a rubrics? Retrieved March 12, 2023, from https://ccsesaarts. org/wp-content/uploads/2014/11/Module11_ Handout_5-What-is-a-Rubric.pdf
Carlsen, W. (1991). Effects of new biology teachers’ subject-matter knowledge on curricular planning. Science Education, 75(6), 631-647.
European Commission. (2013). Supporting Teacher Competence Development for Better Learning Outcomes. Retrieved March 3, 2023, from http://ec.europa.eu/ education/policy/school/doc/teachercomp_en.pdf
Garbett, D. (2003). Science Education in Early Childhood Teacher Education: Putting Forward a Case to Enhance Student Teachers’ Confidence and Competence. Research in Science Education, 33(4), 467-481.
Studhalter, U. T. (2017). Teachers' Competence and Professional Development in Early Science Education. In Doctoral Thesis in Sciences. ETH Zurich university.
Tu, T. (2006). Preschool science environment: what is available in a preschool classroom? Early Childhood Education Journal, 33(4), 245-251.
Zimmermann, M. (2011). Naturwissenschaftliche Bildung im Kindergarten. Eine integrative Längsschnittstudie zur Kompetenzentwicklung von Erzieherinnen (A Longitudinal Study on the Development of Competence for Early Science Education). In H. Niedderer, H. Fischler, & E. Sumfleth (Eds.). Studien zum Physik- und Chemielernen. Band 128. Berlin: Logos.