การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการคิดเชิงเรขาคณิต ตามลีลาการเรียนรู้ของนักเรียนระดับประถมศึกษา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการคิดเชิงเรขาคณิตตามลีลาการเรียนรู้ของนักเรียนระดับประถมศึกษา 2) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการคิดเชิงเรขาคณิตตามลีลาการเรียนรู้ของนักเรียนระดับประถมศึกษา 3) ศึกษาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ และ 4. ศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยใช้แบบแผนการทดลองแบบ pretest-posttest one group design กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเขาจำปา (เทียนราษฎร์อุทิศ) ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 20 คน ซึ่งได้จากการเลือกแบบเจาะจงอย่างมีจุดมุ่งหมาย ดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การวัดและเรขาคณิต ตามแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้จำนวน 8 แผน แผนละ 4 ชั่วโมง แบ่งเป็นการเรียนรู้นอกและในห้องเรียนอย่างละ 2 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 32 ชั่วโมง ผลการวิจัยพบว่า 1) การคิดเชิงเรขาคณิตตามลีลาการเรียนรู้ของนักเรียนระดับประถมศึกษา มีพฤติกรรมบ่งชี้แตกต่างกัน 12 แบบ ตามระดับการคิด 3 ระดับ และลีลาการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน 4 แบบ 2) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 6 องค์ประกอบ ได้แก่ 2.1) หลักการ 2.2) จุดประสงค์ 2.3) สาระการเรียนรู้ 2.4) กระบวนการจัดการเรียนรู้ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ได้แก่ 2.4.1) ขั้นเรียนรู้ตามลีลา 2.4.2) ขั้นอภิปรายแลกเปลี่ยน 2.4.3) ขั้นเรียนรู้ร่วมกัน 2.4.4) ขั้นสรุปองค์ความรู้ และ 2.4.5) ขั้นประยุกต์ใช้ 2.5) สื่อและแหล่งการเรียนรู้ และ2.6) การวัดและประเมินผล 3) รูปแบบการจัดการเรียนรู้มีประสิทธิภาพ จากผลการประเมินเฉลี่ยของภาพรวมอยู่ในระดับเหมาะสมมาก และ 4) รูปแบบการจัดการเรียนรู้มีประสิทธิผล โดยนักเรียนร้อยละ 75 ของจำนวนทั้งหมดมีระดับการคิดเชิงเรขาคณิตสูงขึ้น และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในระดับมาก
Article Details
เอกสารอ้างอิง
ชนิศวรา ฉัตรแก้ว. (2549). การพัฒนาหน่วยการเรียนรู้เรขาคณิต และลำดับขั้นการคิดทางเรขาคณิตตามรูปแบบแวนฮีลี โดยใช้โปรแกรม สำเร็จรูปเรขาคณิตแบบพลวัต สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. ใน ดุษฎีนิพนธ์ศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ฐิติพร มาตรโคกสูง. (2553). การศึกษาการใช้ระบบการนำเสนอภายนอกของครูและระดับความเข้าใจเชิงเรขาคณิตของนักเรียน ตามแนวคิดทฤษฎีของ Van Hiele เรื่องทฤษฎีบทปีทาโกรัส สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. ใน วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาคณิตศาสตรศึกษา. มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
ทิศนา แขมมณี. (2564). ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. (พิมพ์ครั้งที่ 25). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
บุญทัน อยู่ชมบุญ. (2529). พฤติกรรมการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ระดับประถมศึกษา. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์โอเดียนโตร์.
ประพันธ์ศิริ สุเสารัจ. (2553). การพัฒนาการคิด. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ห้างหุ้นส่วนจํากัด. 9119 เทคนิค พริ้นติ้ง.
มัณฑรา ธรรมบุศย์. (2544). รูปแบบการเรียนรู้ (Learning Styles). วารสารวิชาการ, 4(10), 7-9.
วรพงษ์ แสงประเสริฐ. (2561). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการเรียนรู้เชิงรุกเพื่อส่งเสริมความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย. In ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิทยาการทางการศึกษาและการจัดการเรียนรู้. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
วิจารณ์ พานิช. (2555). วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพมหานคร: มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์.
วินัย ดำสุวรรณ์. (2558). มโนทัศน์และการวิจัย ความเข้าใจคณิตศาสตร์. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพมหานคร: ภาควิชาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ศศิธร เวียงวะลัย. (2556). การจัดการเรียนรู้. กรุงเทพมหานคร: โอเดียนสโตร์.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2546). เรขาคณิต. กรุงเทพมหานคร: สถาบันการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2552ก). ตัวอย่างการประเมินผลนานาชาติ PISA : คณิตศาสตร์. กรุงเทพมหานคร: ห้างหุ้นส่วนจำกัดอรุณการพิมพ์.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2552ข). เอกสารพัฒนาวิชาชีพครู : ครูมืออาชีพ. เอกสารประกอบการอบรมโครงการพัฒนาเครือข่ายการเรียนรู้ผู้สอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ช่วงชั้นที่ 1 - 3. กรุงเทพมหานคร: สถาบันการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2564). ผลการประเมิน PISA 2018 การอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์. ศูนย์ดำเนินงาน PISA แห่งชาติ. กรุงเทพมหานคร: สถาบันการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.
สำนักนายกรัฐมนตรี. (2545). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพมหานคร: พริกหวานกราฟฟิค.
สิริพร ทองมาลี. (2563). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องรูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบของ van Hiele สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนอ่าวน้อยวิทยานิคม. ใน วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาคณิตศาสตร์ศึกษา. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สิริพร ทิพย์คง. (2545). หลักสูตรและการสอนคณิตศาสตร์. กรุงเทพมหานคร: พัฒนาคุณภาพวิชาการ.
สุนีย์ คล้ายนิล. (2558). การศึกษาคณิตศาสตร์ในระดับโรงเรียนไทย การพัฒนา - ผลกระทบ - ภาวะถดถอยในปัจจุบัน. กรุงเทพมหานคร: สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.).
Bardo, J. W. & Hartman, J.J. (1982). Urban society: A systemic introduction. New York: peacock.
Brahier, Daniel J. (2005). Teaching Secondary and Middle School Mathematics, 2nd edition, 2000. In Pearson Education, Inc. USA.
Crowley, M. L. (1987). The Van Hiele Model of the Development of Geometric Thought. In Teaching and Learning, K-12-1987 Yearbook. Virginia, USA: NCTM.
Gannon, K. E. & Ginsburg, H. P. (1985). Children's learning difficulties in mathematics. Education and Urban society, 17(4), 405-416.
Graf, S. et al. (2008). Identifying learning styles in learning management systems by using indications from students' behaviour. In Paper presented at the 2008 eighth ieee international conference on advanced learning technologies. IEEE.
Joyce, B. & Weil, M. (1996). Models of teaching (5th ed.). Boston: Allyn and Bacon.
Joyce, B. et al. (2011). Models of teaching (9th ed.). Boston, MA: Pearson Education Inc.
Smyth, R. (2004). Exploring the Usefulness of a Conceptual Framework as a Research Tool: A Researcher's Reflections. Issues in Educational Research, 14(2), 167-180.
Van Hiele, P. (1986). The child’s thought and geometry. English translation of selected writings of Dina Van Hiele-Geldof and Pierre M. Van Hiele (First published in 1959). Brooklyn, NY: Brooklyn College, School of Education.