การพัฒนารูปแบบความรอบรู้ด้านพัฒนาการเด็กแก่ผู้ปกครองในการเฝ้าระวัง และส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยที่มีพัฒนาการด้านการใช้ภาษาสงสัยล่าช้า จังหวัดสุพรรณบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
เด็กปฐมวัยทั่วโลกมีปัญหาด้านพัฒนาการร้อยละ 30 ที่พบมากที่สุดด้านภาษา เด็กไทยมีพัฒนาการด้านภาษาสงสัยล่าช้า ร้อยละ 30 ของเด็กที่สงสัยล่าช้าทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลต่อตัวเด็กและครอบครัวในอนาคต การวิจัยนี้เป็นการวิจัย มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบความรอบรู้ของผู้ปกครองในการฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยที่มีพัฒนาการด้านการใช้ภาษาสงสัยล่าช้า จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นการวิจัยและพัฒนาแบ่งเป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 ศึกษาสถานการณ์ความรู้พื้นฐานของผู้ปกครองโดยใช้แบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่าง 159 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณาพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความรู้พื้นฐานระดับปานกลางมากที่สุดร้อยละ 98.7 และสัมภาษณ์กลุ่มเครือข่ายสุขภาพ 12 คน ด้วยแบบสัมภาษณ์วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณา ระยะที่ 2 พัฒนารูปแบบโดยเครือข่ายสุขภาพโดยนำข้อมูลที่ได้จากระยะที่ 1 มากำหนดกิจกรรมพัฒนาด้วยกระบวนการ A-I-C ระยะที่ 3: ทดลองและประเมินผลกับกลุ่มทดลอง 30 คน โดยมีกลุ่มเปรียบเทียบ 30 คน ด้วยแบบสอบถามความรอบรู้ด้านพัฒนาการ แบบบันทึกการปฏิบัติของผู้ปกครอง และประเมินพัฒนาการด้านการใช้ภาษาของเด็กด้วยคู่มือ DSPM โดยผู้วิจัยพบว่า ก่อนทดลอง กลุ่มทดลองและกลุ่มเปรียบเทียบมีความรอบรู้ ในระดับต่ำ ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t =-1.400 , p=.415 ) หลังการทดลอง 4 สัปดาห์ และติดตามผลสัปดาห์ที่ 6 กลุ่มทดลองมีความรอบรู้ มีพฤติกรรมการส่งเสริมพัฒนาการ และพัฒนาการการใช้ภาษาของเด็ก สูงขึ้น แตกต่าง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วมแบบวัดซ้ำของความรอบรู้ ดีกว่าก่อนทดลองและดีกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.001)
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงสาธารณสุข. (2560). คู่มือเฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย. กรุงเทพ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก. หน้า 67 ในเล่ม DSPM.
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2562). การประชุมเชิงปฏิบัติการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถอดบทเรียนการ ดำเนินงานด้านพัฒนาการเด็ก 25-26 มีนาคม 2562) สืบค้นจาก https://nich.anamai.moph.go.th/th/news-anamai/175417
เขตสุขภาพที่ 5 กระทรวงสาธารณสุข. (2565). บทสรุปสำหรับผู้บริหาร ปีงบประมาณ 2565 รอบ1 พ.ศ. 2565. สืบค้นจาก http://apph.hpc.go.thupFile pdf
ทิพวรรณ หรรษคุณาชัย และคณะ. (2554). ตำราพัฒนาการและพฤติกรรมเด็กสำหรับเวชปฏิบัติทั่วไป. พิมพ์ครั้งที่ 1 กรุงเทพ: บ.บียอนด์ เอ็นเทอร์ไพรซ์จำกัด.
ธีรชัย บุญยะลีพรรณ. (2560). สถานการณ์พัฒนาการเด็กปฐมวัยไทยที่อายุ 9,18,30,42 เดือน ปี พ.ศ. 2560 ด้วย
คู่มือเฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย (DSPM). ไม่ปรากฏสถานที่พิมพ์ หน้า 21)
บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์, และพิศมัย เสรีขจรกิจเจริญ. (2560). ระเบียบวิธีการวิจัยสาธารณสุข: กรณีศึกษา
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร.
ประพา หมายสุข, ฒามรา สุมาลย์โรจน, และแก้วตา นพมณีจ ารัสเลิศ. (2562). การศึกษานำร่องโปรแกรมการส่งเสริมพัฒนาการเด็กล่าช้า โดยใช้แนวทาง DIR/Floortime. วารสารวชิรสารการพยาบาล ปีที่ 21 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม – ธันวาคม 2562.
ประภาเพ็ญ สุวรรณ. (2562). จากทักษะความรอบรู้สุขภาพสู่พฤติกรรมสุขภาพและผลลัพธ์สุขภาพ. เอกสารการประชุมทางวิชาการและนำเสนองานวิจัยระดับชาติครั้งที่ 15 “การบูรณาการงานวิจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยนวัตกรรม”. มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น วัชรพล หน้า 116 - 28.
ยุวดี พงษ์สาระนันทกุล, และสุดาภรณ์ พยัคฆเรือง. (2559). รูปแบบการสร้างเสริมพัฒนาการด้านภาษาแก่เด็กอายุ 2 - 4 ปี โดยบิดามารดาหรือผู้ดูแล: กรณีศึกษาศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก. J Nurs Sci. 2016;34(2): 34- 44
ศิริชัย กาญจนวาสี. (2559). วิธีวิทยาการวิจัย. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : ทรีบีการพิมพ์และตรายาง.
ศูนย์วิชาการแฮปปี้โฮม, พัฒนาการเด็ก. (2564). สืบค้นจาก www.happyhomeclinic.com/academy.htmlสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต. (2559). วิธีสร้างความมั่นคงทางอารมณ์ให้ลูก. สืบค้นจาก https://www.thaiteentraining.com/index.php?module=news&action =view&id
=MzY0MDdjMzM=2
สุรีย์พันธุ์ วรพศธร. (2558). การวิจัยทางสุขศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์วิฑูรย์การปก.
Alberta Family Wellness Initiative. The Foundation of Lifelong Learning. Alberta, Canada. Available from www.albertafamily wellness.org
Ball, W. J & Bindler, C. R. (2008). Pediatric nursing : Caring for children. New Jersey :
Pearson Prentice Hall.