การพัฒนารูปแบบการบริหารภาคีเครือข่ายในพื้นที่เพื่อพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ในโรงเรียนเวียงป่าเป้าวิทยาคม จังหวัดเชียงราย

Main Article Content

ภาวิณี สุขสวัสดิ์

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารภาคีเครือข่ายในพื้นที่เพื่อพัฒนาแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนเวียงป่าเป้าวิทยาคม จังหวัดเชียงราย โดยวิธีวิจัยและพัฒนา 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ขั้นศึกษาข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นโดยศึกษาแนวคิดการบริหารภาคีเครือข่ายในพื้นที่ และแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียน สำรวจสภาพปัญหาและความต้องการจากผู้บริหาร ครู และคณะกรรมการสถานศึกษา 81 คน และสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ 9 คน 2) ขั้นสร้างและตรวจสอบรูปแบบโดยผู้เชี่ยวชาญ 7 คน 3) ขั้นศึกษาผลการใช้รูปแบบโดยตัวแทนภาคีเครือข่ายความร่วมมือ 11 คน ผู้บริหาร ครู คณะกรรมการสถานศึกษา เครือข่ายผู้ปกครอง และนักเรียน 225 คน และ 4) ขั้นประเมินรูปแบบโดยภาคีเครือข่าย 81 คน เครื่องมือ ได้แก่ แบบสำรวจ แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง และแบบประเมิน สถิติที่ใช้ คือ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) วิเคราะห์เนื้อหา สรุปข้อมูล ผลการวิจัยพบว่า 1) การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนสำหรับใช้จัดการเรียนรู้ เสริมสร้างทักษะและประสบการณ์อาชีพให้กับนักเรียนต้องได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายทั้งด้านบุคลากร งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ เทคโนโลยีสารสนเทศ 2) รูปแบบมี 6 องค์ประกอบ ได้แก่ หลักการ วัตถุประสงค์ ขอบข่ายความร่วมมือ ภาคีเครือข่ายความร่วมมือ กระบวนการ และผลลัพธ์ มีกระบวนการ 5 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นเตรียมการสร้างภาคีเครือข่าย ขั้นวางแผนสร้างภาคีเครือข่าย ขั้นทำกิจกรรมร่วมกัน ขั้นติดตามและประเมินผล ขั้นสรุปและรายงานผล 3) โรงเรียนมีแหล่งเรียนรู้สำหรับใช้จัดการเรียนรู้ 10 แหล่งเรียนรู้ ซึ่งมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ทำให้นักเรียนมีความรู้ ทักษะอาชีพและปฏิบัติได้จริงในชีวิตประจำวัน มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในด้านการมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน และอยู่อย่างพอเพียงในระดับดีเยี่ยม และ 4) ผลการประเมินรูปแบบด้านความเหมาะสม ความเป็นไปได้ และความเป็นประโยชน์ อยู่ในระดับมากที่สุด

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
สุขสวัสดิ์ ภ. (2023). การพัฒนารูปแบบการบริหารภาคีเครือข่ายในพื้นที่เพื่อพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ในโรงเรียนเวียงป่าเป้าวิทยาคม จังหวัดเชียงราย. วารสารสังคมศาสตร์และวัฒนธรรม, 7(6), 296–309. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/JSC/article/view/265334
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กล้า ทองขาว. (2558). การจัดการศึกษาแบบยึดพื้นที่เป็นฐาน: แนวคิด แนวทาง และกรณีศึกษา. วารสารราชภัฏสุราษฎร์ธานี, 2(2), 23-40.

ขจรวรรณ ภู่ขจร. (2564). รูปแบบเครือข่ายความร่วมมือระหว่างองค์กรเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนภาษาจีนในโรงเรียนเอกชน. ใน ดุษฎีนิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยนเรศวร.

เจือจันทร์ จงสถิตอยู่ และอรุณศรี จิตต์แจ้ง. (2556). พลังเครือข่ายในพื้นที่. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.

ถวัลย์ มาศจรัส. (2553). Model การจัดการศึกษาและแหล่งการเรียนรู้สร้างสรรค์. กรุงเทพมหานคร: บริษัท 21 เซ็นจูรี่ จำกัด.

ทรงศักดิ์ ภูสีอ่อน. (2563). การวิจัยและพัฒนาทางการศึกษา. (พิมพ์ครั้งที่ 2). มหาสารคาม: ตักสิลาการพิมพ์.

ธนพล ด่านวิวัฒน์วงศ์ และคณะ. (2561). การบริหารแหล่งเรียนรู้โรงเรียนบ้านริมใต้ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่. วารสารบัณฑิตวิจัย JOURNAL OF GRADUATE RESEARCH, 9(1), 115-130.

นิคม ชมภูหลง. (2550). นวัตกรรมการนิเทศการศึกษา: แนวทางการพัฒนาแหล่งการเรียนรู้. (ฉบับปรับปรุง). มหาสารคาม: กลุ่มนิเทศติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามหาสารคาม เขต 1.

รัตนะ บัวสนธ์. (2563). การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการศึกษา. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

โรงเรียนเวียงป่าเป้าวิทยาคม. (2563). รายงานผลการปฏิบัติงานและผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา ปีการศึกษา 2563. เชียงราย: โรงเรียนเวียงป่าเป้าวิทยาคม.

วาโร เพ็งสวัสดิ์. (2553). การวิจัยพัฒนารูปแบบ. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, 2(4), 2-15.

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา. (2562). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2550). แหล่งเรียนรู้โรงเรียนดีใกล้บ้าน. กรุงเทพมหานคร: เสมาธรรม.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2562). ประสิทธิผลของแหล่งเรียนรู้: การเผยแพร่และการนำมาตรฐานแหล่งเรียนรู้สู่การปฏิบัติ. กรุงเทพมหานคร: พริกหวานกราฟฟิค.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2563). แนวทางการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ในยุคดิจิทัลที่เหมาะสมกับผู้เรียนในวัยเรียน. กรุงเทพมหานคร: 21 เซ็นจูรี่.