การจัดการความขัดแย้งที่มีผลต่อการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ของพยาบาลแผนกผู้ป่วยใน สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ

Main Article Content

พรทิพา จันทะสงคราม
นฤดลภัสสร จักษุเดโชวณิชย์

บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเรื่องการจัดการความขัดแย้งที่มีผลต่อการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของพยาบาลแผนกผู้ป่วยใน มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาระดับความคิดเห็นการจัดการความและเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ของพยาบาลวิชาชีพแผนกผู้ป่วยใน โรงพยาบาลตำรวจ และ 2) เพื่อศึกษาอิทธิพลของการจัดการความขัดแย้ง ด้านการร่วมมือ ด้านการประนีประนอม ส่งผลต่อการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ของพยาบาลวิชาชีพ แผนกผู้ป่วยใน โรงพยาบาลตำรวจ ความขัดแย้งมีมานานตั้งแต่มนุษย์เกิดขึ้นมาเมื่อมีคนที่มีความแตกต่างกัน มาอยู่ร่วมกันโดยเฉพาะมาทำงานร่วมกันก็มักจะเกิดความขัดแย้งเกิดขึ้น ความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ ความขัดแย้งที่เกิดจากความคิดของตนเองมากเกินไป ความขัดแย้งที่เกิดจากการขาดสติ หรือ ระเบียบวิธีคิด และบุคลิกลักษณะนิสัยของแต่ละคนที่แตกต่างกัน ประชากรและการสุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ พยาบาลแผนกผู้ป่วยในโรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 160 คน ซึ่งมาจากการสุ่มกลุ่มตัวอย่าง ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์แบบถดถอยพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า 1) การจัดการความขัดแย้งของพยาบาลแผนกผู้ป่วยใน สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ โดยรวมมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด (gif.latex?\bar{x} = 4.90, S.D.=0.43) 2) การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของพยาบาลแผนกผู้ป่วยใน สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ โดยรวมมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด (gif.latex?\bar{x} = 4.87, S.D. = 0.45) 3) การจัดการความขัดแย้ง ด้านการร่วมมือ ด้านการประนีประนอม ส่งผลต่อการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของพยาบาลวิชาชีพ แผนกผู้ป่วยในโรงพยาบาลตำรวจ โดยมีค่าอิทธิพล เป็นระดับปานกลาง เท่ากับ 0.30

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
จันทะสงคราม พ., & จักษุเดโชวณิชย์ น. (2023). การจัดการความขัดแย้งที่มีผลต่อการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ของพยาบาลแผนกผู้ป่วยใน สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ. วารสารสังคมศาสตร์และวัฒนธรรม, 7(7), 335–342. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/JSC/article/view/266264
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

ธวัชชัย วรพงศธร และสุรีย์พันธุ์ วงพงศธร. (2561). การคำนวณขนาดตัวอย่างสำหรับงานวิจัย โดยใช้ โปรแกรมสำเร็จรูป G*Power. วารสารการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม, 41(2), 11-21.

พรรณพิลาศ กุลดิลก. (2560). การขับเคลื่อนสังคมผ่านสื่อใหม่ในยุคโลกาภิวัตน์. วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 25(49), 59-62.

วรัญญา กลัวผิด. (2561). การจัดการความขัดแย้งที่มีผลต่อการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ของ บมจ. ธนาคารกรุงไทย สังกัดพื้นที่กลุ่มเครือข่ายภาคกลาง. ใน รายงานการวิจัย. มหาวิทยาลัยศิลปากร.

ศุภโชค แตงทอง. (2564). การบริหารความขัดแย้งที่ส่งผลต่อการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของโรงเรียนธรรมศาลา (หลวงพ่อน้อยอุปถัมภ์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครปฐม เขต 1. ใน รายงานการวิจัย. วิทยาลัยทองสุขบรมราชชนนี.

สุทิสา ชีวัน และจิตติรัตน์ แสงเลิศอุทัย. (2560). การจัดการความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อความผูกพันต่อองค์การของครูในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 2. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย, 9(2), 334-347.

สุรัตน์ ทิพย์วัฒน์. (2563). ความขัดแย้งและการจัดการความขัดแย้งของพยาบาลวิชาชีพ ของพยาบาลวิชาชีพห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉินโรงพยาบาลทั่วไป สังกัด กระทรวงสาธารณะสุขภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. ใน รายงานการวิจัย. มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

Thomas K. W. (1979). Organizational conflict. In . In Kerr S. (Ed.), Organizational behavior (pp. 151-184). Columbus, OH: Grid.

Thomas K. W. (1974). Thomas-Kilmann conflict mode survey. Tuxedo, NY: Xicom.

Thomas, K. W., & Kilmann, R. H. (1974). Thomas-Kilmann conflict mode instrument. Tuxedo, NY: Xicom.