(Retracted Article) ผลการฝึกการเข้าห้องน้ำสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา และบกพร่องทางสติปัญญาโดยใช้ระบบการสื่อสารแลกเปลี่ยนรูปภาพ และการเสริมแรงทางบวก

Main Article Content

อรทัย ไชยวงค์
รัชนีกร ทองสุขดี
สร้อยสุดา วิทยากร
พิกุล เลียวสิริพงศ์

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการฝึกการบอกความต้องการเข้าห้องน้ำสำหรับกรณีศึกษาที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษาและบกพร่องทางสติปัญญาโดยใช้ระบบการสื่อสารแลกเปลี่ยนรูปภาพและการเสริมแรงทางบวก กรณีศึกษาเป็นเด็กชาย จำนวน 1 คน อายุ 14 ปี มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา และบกพร่องทางสติปัญญา มีปัญหาการสื่อสารไม่สามารถบอกความต้องการของตนเองได้ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ 1) แบบสำรวจตัวเสริมแรงทางบวก 2) แบบสังเกตพฤติกรรมการสื่อสารแลกเปลี่ยนภาพเพื่อบอกความต้องการปัสสาวะ 3) แผนการสอนเฉพาะบุคคล หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง ไปฉี่ในห้องน้ำกันนะ จำนวน 3 แผน การเก็บข้อมูลระหว่างเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2564 โดยจัดกิจกรรมการสอนทักษะการบอกความต้องการเข้าห้องน้ำโดยใช้ระบบการสื่อสารแลกเปลี่ยนรูปภาพและการเสริมแรงทางบวกในสถานการณ์จริงให้กรณีศึกษามีส่วนร่วมและฝึกปฏิบัติด้วยตนเองในห้องเรียนของกรณีศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าความถี่ ค่าเฉลี่ย และค่าร้อยละ ผลการวิจัยพบว่า หลังได้รับการฝึกการใช้ระบบการสื่อสารแลกเปลี่ยนรูปภาพและการเสริมแรงทางบวกในการบอกความต้องการเข้าห้องน้ำ กรณีศึกษามีทักษะการสื่อสารที่สูงขึ้น สามารถบอกความต้องการเข้าห้องน้ำโดยใช้ระบบการสื่อสารแลกเปลี่ยนรูปภาพขั้นตอนที่ 1 ได้ร้อยละ 100 ขั้นตอนที่ 2 (2A – 1) ร้อยละ 100 และขั้นตอนที่ 2 (2A – 2) ร้อยละ 100 และหลังการฝึกการใช้ระบบการสื่อสารแลกเปลี่ยนรูปภาพและการเสริมแรงทางบวกผ่านไปแล้ว 10 วัน กรณีศึกษายังสามารถและมีพัฒนาการคงที่ในการใช้ระบบการสื่อสารแลกเปลี่ยนรูปภาพทั้ง 2 ขั้นตอน ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่ากรณีศึกษามีพัฒนาการด้านการสื่อสารที่ดีขึ้น สามารถบอกความต้องการฉี่โดยใช้ระบบการสื่อสารแลกเปลี่ยนรูปภาพได้ด้วยตนเอง

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ไชยวงค์ อ. ., ทองสุขดี ร. ., วิทยากร ส. ., & เลียวสิริพงศ์ พ. . (2023). (Retracted Article) ผลการฝึกการเข้าห้องน้ำสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา และบกพร่องทางสติปัญญาโดยใช้ระบบการสื่อสารแลกเปลี่ยนรูปภาพ และการเสริมแรงทางบวก. วารสารสังคมศาสตร์และวัฒนธรรม, 7(11), 335–346. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/JSC/article/view/269487
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. (2550). พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ.

กระทรวงศึกษาธิการ. (2552). กำหนดประเภทและหลักเกณฑ์ของคนพิการทางการศึกษา พ.ศ. 2552. กรุงเทพมหานคร: คุรุสภาลาดพร้าว.

กระทรวงสาธารณสุข. (2558). คู่มือเฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย. นนทบุรี: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.

คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. (2562). การฝึกขับถ่ายของลูกน้อย. เรียกใช้เมื่อ 6 มกราคม 2563 จาก https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/admin/article_files/1396_1.pdf

จริยา บุตรทอง. (2563). การพัฒนาทักษะการสื่อสารโดยใช้วิธีการสอนเพ็คส์ (PECS) ร่วมกับหลักการสอนแบบ 3 R's สำหรับเด็กออทิสติก ศูนย์การศึกษาพิเศษมหาจักรีสิรินธร ประจำจังหวัดนครนายก. ใน วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาหลักสูตรและนวัตกรรมการสอน. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.

ฐาวรี ขันสำโรง และเมธิศา พงษ์ศักดิ์ศรี. (2560). การพัฒนาทักษะการสื่อสารด้วย PECS สำหรับบุคคลออทิสติก. เรียกใช้เมื่อ 26 ธันวาคม 2562 จาก https://www.western.ac.th/media/attachments /2017/12/06/002-pecs-lipof

ณัฏฐ์นรินทร์ นาคเล็ก. (2557). การพัฒนาความสามารถในการสื่อสารของเด็กออทิสติกจากการสอนโดยวิธีเพ็คส์ (PECS). ใน วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาพิเศษ. มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา.

ณัฐณิชา กองจันทร์. (2557). การใช้เทคนิคการเสริมแรงทางบวกเพื่อพัฒนาทักษะการดูแลผิวของนักเรียนสมองพิการ. ใน สารนิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาพิเศษ. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

ตุลชาติ ชุ่มชื่น. (2562). ผลของการใช้ชุดฝึกการขับถ่าย โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองที่มีต่อทักษะการช่วยเหลือตนเองด้านการขับถ่ายของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ระดับปานกลาง. วารสารวิจัยและพัฒนาการศึกษาพิเศษ, 8(2), 24-40.

ปัณณ์พัฒน์ จันทร์สว่าง. (2558). เด็กพิการซ้อน (Children with Multiple Disabilities). เรียกใช้เมื่อ 26 ธันวาคม 2562 จาก https://fcdthailand.org/library-type/

พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550. (2550). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนที่ 61 ก หน้า 8 (27 กันยายน 2550).

ภทรา นาพนัง. (2563). การใช้โปรแกรมทีช และการเสริมแรงทางบวกเพื่อเพิ่มการกำกับตนเองของเด็กปฐมวัยที่มีภาวะออทิซึม. ใน วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาพิเศษ. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

ยงยุทธ สอนใจดี. (2558). ประเภทของแรงเสริมแรงทางบวก. เรียกใช้เมื่อ 26 ธันวาคม 2562 จาก https://fcyongyut.wordpress.com/2015/06/30/

ยอดขวัญ ทองเล่ม. (2557). การใช้รูปภาพเพื่อพัฒนาทักษะการออกเสียงของเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน. ใน สารนิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาพิเศษ. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

ลักขณาพร ทองเจือเพชร. (2551). ผลการใช้วิธีเพ็คส์ในการพัฒนาทักษะการสื่อสารของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา. ใน สารนิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาพิเศษ. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

สมเกตุ อุทธโยธา. (2556). การเรียนรวมสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษในโรงเรียนปกติ. (พิมพ์ครั้งที่ 11). เชียงใหม่: แพรวการพิมพ์.

สมโภชน์ เอี่ยมสุภาษิต. (2550). ทฤษฎีและเทคนิคการปรับพฤติกรรม. กรุงเทพมหานคร: สํานักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สมโภชน์ เอี่ยมสุภาษิต. (2556). ทฤษฎีและเทคนิคการปรับพฤติกรรม. (พิมพ์ครั้งที่ 8). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

เอกสุรีย์ พรสุริยชัย. (2556). การชี้แนะด้วยการเสนอตัวแบบร่วมกับการเสริมแรงทางบวกเพื่อพัฒนาพฤติกรรมทางสังคมในการรับประทานอาหารกลางวันของเด็กออทิสติก. ใน สารนิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาจิตวิทยาการศึกษาพิเศษ. มหาวิทยาลัยศิลปากร.

Berlo, D. K. (1960). The Process of Communication: An Introduction to Theory And Practice. New York: Holt, Rinehart and Winston.

Frost, L. & Bondy, A. (2002). The picture exchange communication system: PECS training manual. (2nd ed.). Newark: Pyamid Education Products.

Grant. (2013). Toilet Training Children with Developmental Delays. USA: Maternal and Child Health Bureau (MCHB), Health Resources and Services Administration (HRSA), Department of Health and Human Services (HHS).

Hilton, L. C. (2015). Assessing the Effectiveness of a Picture Exchange Communication System on Increasing Manding and Vocal Speech in Identical Twin Adults with Autism. In Dissertation for the degree of Doctor of Philosophy Psychology. Western Michigan University.