รูปแบบการตื่นตัวทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของประชาชนในจังหวัดตรัง

Main Article Content

สุภาวดี ทองเรืองรักษ์
สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา
สุปรีชา ชำนาญพุฒิพร

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์สภาพทั่วไปของการตื่นตัวทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของประชาชนในจังหวัดตรัง 2) วิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลในการตื่นตัวทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของประชาชนในจังหวัดตรัง และ 3) กระบวนการสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับรูปแบบการตื่นตัวทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของประชาชนในจังหวัดตรัง การวิจัยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มีผู้ให้ความสำคัญ จำนวน 26 คน และเสวนากลุ่ม จำนวน 10 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์และวิเคราะห์ข้อมูลโดยวิธีพรรณณา พบว่า 1) สภาพทั่วไปของการตื่นตัวทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของประชาชนในจังหวัดตรัง มีการตื่นตัวทางการเมืองมากขึ้น อดีตประชาชนให้ความสำคัญกับพรรคการเมือง ปัจจุบันให้ความสำคัญกับผู้สมัครรับเลือกตั้ง หากเป็นพรรคการเมืองให้ความสำคัญกับพรรคที่มีชื่อเสียง เยาวชนสนใจพรรคการเมืองที่มีกระแสนิยม เห็นได้จากปัญหาเดิมไม่ได้รับการแก้ไข 2) ปัจจัยที่ส่งผลในการตื่นตัวทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการตื่นตัว ประกอบด้วย 2.1) พรรคการเมือง 2.2) คุณสมบัติของผู้สมัคร 2.3) การแสดงวิสัยทัศน์ และ 2.4) โซเซียลมีเดีย 3) รูปแบบการตื่นตัวทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของประชาชนในจังหวัดตรัง พบว่า การบูรณาการองค์ความรู้ใหม่ ชื่อว่า 3P 1S Model กล่าวคือ P = Political Party พรรคการเมือง Personal Character of Political คุณสมบัติของนักการเมือง P = Political Debate การแสดงวิสัยทัศน์ S = Social Media โซเซียลมีเดีย ข้อแนะนำศึกษาวิจัยครั้งต่อไปในประเด็นดังต่อไปนี้ 1) การบรูณาการหลักธรรมาธิปไตย เพื่อส่งเสริมการตื่นตัวทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของเยาวชนจังหวัดตรัง 2) การตื่นตัวทางการเมืองของเยาวชนในระบอบประชาธิปไตย และ 3) ปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมของครูเพื่อเสริมสร้างทักษะภาวะผู้นำของนักเรียน

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ทองเรืองรักษ์ ส., สิทธิภัทรประภา ส., & ชำนาญพุฒิพร ส. (2024). รูปแบบการตื่นตัวทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของประชาชนในจังหวัดตรัง. วารสารสังคมศาสตร์และวัฒนธรรม, 8(8), 111–122. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/JSC/article/view/276113
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

ชัยกฤต รัตนากร. (2560). ปัจจัยที่มีผลต่อการตื่นตัวทางการเมืองของนักเรียนโรงเรียนชลราษฎรอารุงและโรงเรียนชลกันยานุกูล ในการเมืองแบบประชาธิปไตย. ใน สารนิพนธ์รัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต สาขารัฐประศาสนศาสตร์. วิทยาลัยการบริหารรัฐกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา.

นันทนา นันทวโรภาส. (2558). สื่อสารการเมือง: ทฤษฎีและการประยุกต์ใช้. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพมหานคร: บริษัท พิมพ์ดี จำกัด.

นุกูล ชิ้นฟัก และคณะ. (2562). โมเดลสมการโครงสร้างของ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในภาคใต้ของประเทศไทย. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 6(2), 73-88.

พระมหาณัฏพจน์ ขนฺติธโร. (2565). ปัจจัยที่มีผลต่อการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนในอำเภอละแมจังหวัดชุมพร. วารสารการพัฒนาสังคม, 7(1), 281-291.

สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดตรัง. (2566). ข้อมูลทั่วไป. เรียกใช้เมื่อ 12 มิถุนายน 2566 จาก https://www.tranglocal.go.th/

สำนักงานสถิติจังหวัดตรัง. (2566). บริการสารสนเทศสถิติ. เรียกใช้เมื่อ 12 มิถุนายน 2566 จาก https://trang.nso.go.th/

อนุชา พละกุล และคณะ. (2565). การบูรณาการหลักธรรมาธิปไตย เพื่อส่งเสริมการตื่นตัวทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของเยาวชน จังหวัดเพชรบุรี. วารสาร มจร. เพชรบุรีปริทรรศน์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 5(2), 17-19.

Adam, F. S. (2002). The Wining Message. London: Cambridge University Press.

Bruce, I. N. (1999). The marketing of the President. California: Sage Publications Ltd.

Manuel Pares I Maicas. (1992). Introduction a Ia communication social. Barcelona: ESRPPPU.